อนุประโยคสัมพัทธ์ หรือ Relative Clause เป็นหนึ่งไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งมักใช้ในการสนทนาภาษาอังกฤษหรือเห็นในการอ่านการเขียน และในข้อสอบอย่าง IELTS หรือ TOEIC กันเยอะมาก
และที่จริงแล้ว Relative Clause ก็เป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ยากและค่อนข้างสับสนสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤาหลายคน แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
วันนี้ Eng Breaking จึงได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับอนุประโยค Relative Clause รวมหลักการใช้ทั้งหมด พร้อมแบบฝึกหัดฉบับเข้าใจง่ายมาให้เพื่อน ๆ ทุกคน เรามาดูกันเลย
A – Relative clause คืออะไร
Relative clause คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนกับ Adjective นั่นคือขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า Relative clause จะช่วยให้เรารู้ว่าคำนามที่เรากำลังพูดถึงคืออันไหน คนไหน หรือสิ่งไหนกันแน่อย่างชัดเจนเลย
เวลาที่เราใช้ relative clause จะมี relative pronoun (who, whom, which, that, whose) วางอยู่ด้านหน้า หรืออาจจะมี Relative Adverbs (when, where, why) วางอยู่ด้านหน้าคำนามเพื่อขยายคำนามนั้น
Relative clause แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
- Defining Relative clause
- Non-defining Relative clause
และนี่คือตัวอย่างที่นำมาให้ดูกัน:
E.g:
-
The man who is wearing the glasses is our new English teacher.
= ผู้ชายที่กำลังสวมแว่น คือครูสอนภาษาอังกฤษคนใหม่ของเรา
ในประโยคข้างบน “who is wearing the glasses” เรียกว่า Relative Clause และอยู่หลังคำนาม “the woman” เพื่อขยายคำนาม
หากทิ้งประโยคนั้นไป เรายังมีประโยคที่สมบูรณ์: The man is our new English teacher. แต่ความหมายจะไม่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือคนไหน
เราลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่างประโยค
E.g:
- The little girl is Tom’s daughter. She is smiling at you.
เราสามารถผสมผสานสองประโยคนี้เป็นหนึ่งประโยคที่ใช้ relative pronoun คือ:
-
The little girl, who is smiling at you, is Tom’s daughter.
= เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังยิ้มให้คุณคือลูกสาวของทอม
ดูเพิ่ม:
- โครงสร้าง Would you mind /do you mind – สูตร การใช้ และแบบฝึกหัด
- โครงสร้าง Too to และโครงสร้างที่คล้าย
B – ประเภทของ Relative Clause
Relative clause มี 2 แบบนะคะ คือ defining relative clause และ non-defining relative clause สรุปว่ามันคืออะไร และนำไปใช้ต่างกันอย่างไร ก็ค่อย ๆ ศึกษาเอาจากเนื้อหาด้านล่างนะคะ
1. Defining relative clause คืออะไร
Defining relative clause คือ relative clause ที่ระบุเจาะจงลงไปว่าหมายถึงใคร อันไหน ถ้าไม่รุบุเจาะจงจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
Defining relative clause ใช้เมื่อคำนามเป็นคำนามไม่แน่นอน และไม่ได้ใช้เครื่องหมายจุลภาคเพื่อเว้นวรรคออกจากประโยคหลัก
เพราะ Defining relative clause มีหน้าที่เพื่อขยายและระบุคำนามที่มันตามหลังดังนั้นจึงไม่สามารถตัดออกได้
E.g 1:
-
The man whom you just met yesterday is a famous lawyer.
= ผู้ชายที่คุณเพิ่งพบเมื่อวานนี้เป็นทนายความที่มีชื่อเสียงมาก
E.g 2:
-
Do you remember the time when we first met each other?
= คุณจำเวลาที่เราพบกันครั้งแรกได้ไหม?
2. Non – defining relative clause คืออะไร
Non-defining relative clause คือ relative clause ที่เสริมข้อมูลเข้าไปเฉย ๆ เป็นการอธิบายขยายความเพิ่มเติมให้กับคำนาม ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง จะตัดทิ้งออกไปก็ได้ และจะอยู่ในเครื่องหมายจุลภาค (comma)
Non-defining relative clause คือ อนุประโยคที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่ได้รับการระบุแล้ว
non-defining relative clause จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในประโยคเพราะถ้าไม่มีประโยคนั้นก็จะยังสมเหตุสมผล เรายังสามารถรู้ได้ว่าคำนาม บุคคล สิ่งของที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้มันคืออะไร
E.g 1:
-
Bangkok, which is the capital of Thailand, has been developing rapidly in recent years.
= กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
E.g 2:
-
Chiang Mai, which I visited last summer, is very beautiful.
= เชียงใหม่ เมืองที่ฉันไปเมื่อฤดูร้อนที่แล้วนั้นสวยงามมาก
หมายเหตุ: เพื่อสามารถแยกได้ว่า อนุประโยคได้คือ Non – defining relative clause เราสามารถสังเกตได้จาก
- เมื่ออนุประโยคตามหลังและขยายคำนามที่เฉพาะ
- เมื่ออนุประโยคตามหลังและขยายคำนามที่มาพร้อมกับคำคุณศัพท์บ่งบอกความเป็นเจ้าของ possessive adjective (my, his, her, their, your, our, its)
- เมื่ออนุประโยคตามหลังและขยายคำนามที่มาพร้อมกับคำนำหน้านาม this, that, these, those,…
ดูเพิ่ม:
C – Relative Pronouns คืออะไร
Relative Pronoun คือ ประพันธสรรพนาม หรือ คำสรรพนามที่เอาไว้ใช้ขยายประโยคให้ประธานหรือกรรมในประโยคยาวขึ้น และมีรายละเอียดมากขึ้น
โดยที่เราจะใช้ประพันธสรรพนามนำหน้าส่วนขยายที่เราเรียกว่า relative clause และอีกกรณีก็คือ ใช้เชื่อมต่อกับประโยคที่สมบูรณ์แล้ว
1. Who
ใช้เมื่อพูดถึงคน เราจะใช้คำว่า who ตามหลังคำนามด้านหน้าที่เกี่ยวกับคน และคำว่า who จะต้องทำหน้าที่เป็นประธานของกริยาที่ตามมาด้านหลัง เช่น
E.g:
-
The man who is sitting by the fireplace is my father.
= ผู้ชายที่นั่งข้างเตาผิงคือพ่อของฉัน
-
That is the boy who helped me to find your house.
= นั่นคือเด็กผู้ชายที่ช่วยฉันหาบ้านของคุณ
2. Whom
เราใช้ whom เมื่อพูดถึงคน เพื่อขยายคำนามที่เป็นกรรมของคำกริยาที่ตามหลัง ลองดูในประโยคตัวอย่างนะ
-
The woman whom you saw yesterday is my aunt.
= ผู้หญิงที่คุณเห็นเมื่อวานคือคุณน้าของฉัน
-
Logan is a business owner whom we are in contact with.
= โลกานเป็นเจ้าของธุรกิจคนที่เราได้ติดต่อด้วย
ในประโยคข้างบน คำว่า a business owner หรือเจ้าของธุรกิจ เป็นกรรมของกริยาและคำบุพบท are in contact with
3. Which
Which – ใช้เป็น Relative Pronoun เพื่อขยายคำนามที่เป็นสิ่งของหรือสัตว์ และสามารถเป็นทั้งประธานหรือกรรมในประโยคได้ ซึ่งจะมีความหมายเหมือนกับคำว่า that แต่ดูเป็นทางการมากกว่า เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับการเขียนเรียงความมากกว่า
เรามีตัวอย่างประโยคเช่น
-
This is the book which I like best.
= นี่คือหนังสือที่ผมชอบมากที่สุด
ในประโยคนี้ which ใช้เพื่อขยายคำนาม the book ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยค
-
This species of fish, which is found in Thailand, is rare.
= ปลาชนิดนี้ซึ่งพบในประเทศไทยนั้นหายาก
ในประโยคนี้ which ใช้เพื่อขยายคำนาม the book ที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
4. That
คำว่า That เป็น relative pronoun หรือคำสรรพนามสัมพัทธ์ที่ใช้ระบุถึงทั้งบุคคลและสิ่งของ โดยคำว่า that สามารถใช้แทน Whom Whom และ which ใน Defining relative clause
-
This is the book that I like best.
= นี่คือหนังสือที่ผมชอบมากที่สุด
-
My father is the person that I admire most.
= คุณพ่อคือคนที่ฉันเคารพนับถือมากที่สุด
-
I can see the girl and her dog that are running in the park.
= ผมเห็นเด็กหญิงกับสุนัขของเธอที่กำลังวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ
คุณก็อาจจะสนใจ:
D – Relative Adverb
Relative Adverb คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมคำ กับอนุประโยค เพื่อขยายความเพิ่มเติมให้รู้ว่า เมื่อไร ที่ไหน ทำไม ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 คำคือ when where และ why
เราลองดูตัวอย่างนี้กัน
-
This is the shop in which I bought my bike.
=> This is the shop where I bought my bike.
= นี่คือร้านที่ฉันซื้อจักรยาน
1. WHERE
เราใช้ where เพื่อขยายคำนามที่บ่งบอกสถานที่ ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า สถานที่ซึ่ง ที่
เราจะมีโครงสร้างประโยค
N(place) +WHERE + S + V
เราลองมาดูตัวอย่างดังต่อไปนี้
E.g 1:
-
The hotel wasn’t very clean. We stayed at that hotel.
=> The hotel where we stayed wasn’t very clean.
แปลว่า โรงแรมที่เราพักไม่ค่อยสะอาด
E.g 2:
-
This is my hometown. I was born and grew up here.
=> This is my hometown where I was born and grew up.
แปลว่า นี่คือบ้านเกิดของฉันที่ฉันเกิดและเติบโต
E.g 3:
-
The restaurant was near the airport. We had lunch there.
=> The restaurant where we had lunch was near the airport.
แปลว่า ร้านอาหารที่เราทานอาหารกลางวันอยู่ใกล้สนามบิน
2. WHEN
เราใช้ when เป็น Relative Adverb เพื่อขยายคำนามหรือวลีเพื่อบ่งบอกเวลา
โดยเราจะมีโครงสร้างประโยค
N (time) + WHEN + S + V
E.g 1:
-
Do you still remember the day? We first met on that day.
=> Do you still remember the day when we first met?
= คุณยังจำวันแรกที่เราได้พบกันได้ไหม
E.g 2:
-
I don’t know the time. She will come back then.
=> I don’t know the time when she will come back.
= ฉันไม่รู้ว่าเวลาเมื่อไรที่เธอจะกลับมา
E.g 3:
-
That was the day. I met my wife on this day.
=> That was the day when I met my wife.
= นั่นคือวันที่ผมได้พบกับภรรยาของผม
3. WHY
เราใช้ why เป็น Relative Adverb ในอนุประโยคเพื่อบอกเหตุผล และโดยปกติเราจะใช้แทนวลี for the reason, for that reason เป็นต้น
โดยเราจะมีโครงสร้างประโยค
…N (reason) + WHY + S + V
E.g 1:
-
I don’t know the reason. You didn’t go to school for that reason.
=> I don’t know the reason why you didn’t go to school.
= ฉันไม่รู้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ไปโรงเรียน
E.g 2:
-
I don’t know the reason why she left me.
ฉันไม่รู้เหตุผลว่าทำไมหล่อนทิ้งฉันไป
ไม่พลาดกับบทความนี้:
E – การลดรูปของ relative clause
กรณีที่ 1: ลดรูปของ relative clause ในกรณีที่ประธานกระทำกริยานั้น (active relative clause)
ให้เราตัด relative pronoun ออก แล้วเปลี่ยน verb ให้เป็น present participle (V+ing)
เรามีตัวอย่างเช่น
-
The girl who is sitting next to the only boy in the class is my sister
=> The girl sitting next to the only boy in the class is my sister
= ผู้หญิงที่นั่งข้างผู้ชายคนเดียวในชั้นเรียนคือน้องสาวของฉัน
-
Do you see the cat which is lying on the roof?
=> Do you see the cat lying on the roof?
= คุณเห็นแมวตัวที่มันนอนอยู่บนหลังคาไหม?
กรณีที่ 2: ลดรูปของ relative clause ในกรณีที่ประธานถูกกระทำ (passive relative clause)
ซึ่งมี which และ who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง which และ who มีกริยาในรูป passive form (BE + past participle) ลดรูปโดยตัด which/who และ to be ออกเหลือแต่ past participle
เรามีตัวอย่างเช่น
-
The house which is being built at the moment belongs to Mr. Thomas.
=> The house built at the moment belongs to Mr. Thomas.
= บ้านที่กำลังสร้างในขณะนี้เป็นของนายโธมัส
-
Strawberries which are grown in California are delicious.
=> Strawberries grown in California are delicious.
= สตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในแคลิฟอร์เนียมีรสชาติอร่อย
กรณีที่ 3: ลดรูปของ relative clause เป็นรูปแบบ To-infinitive
สำหรับ relative clause สามารถลดรูปให้เป็นรูป To-infinitive ได้ เมื่อมีวลีเช่น the first, the second, the last, the only หรือการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด (Superlative Degree) นำหน้า relative pronoun
เรามีตัวอย่างเช่น
-
The first student who comes to class has to clean the board.
=> The first student to come to class has to clean the board.
= นักเรียนคนแรกที่มาเรียนต้องทำความสะอาดกระดาน
-
The only picture which was painted yesterday was Mary’s.
=> The only picture to be painted yesterday was Mary’s.
= รูปเดียวที่ได้วาดเมื่อวานคือของแมรี่
กรณีที่ 4: การลดรูปของ relative clause ที่มี to be
ในอนุประโยค adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน เราสามารถลดรูปได้หากหลัง who, which และ that มี to be และให้ตัด to be ออกด้วย เมื่อลดรูปแล้ว จะเป็นกลุ่มคำนาม โดยเราจะมีตัวอย่างเช่น
Eg:
-
Football, which is a very popular sport, is good for health.
=> Football, a very popular sport, is good for health.
= ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมที่ดีต่อสุขภาพ
ในอนุประโยคแบบ defining relative pronoun, to be จะเปลี่ยนเป็นรูป V-ing คือ being:
Eg:
-
I like the man who is always humorous.
=> I like the man being always humorous.
= ฉันชอบผู้ชายที่มีอารมณ์ขันเสมอ
สำหรับอนุประโยคที่มีรูปแบบ relative pronoun + to be + adjective
เมื่อลดรูป relative pronoun เราจะลดรูปของ to be ด้วย และนำ adjective คำคุณศัพท์ก่อนหน้าคำคามที่จะขยายความ
ตัวอย่างเช่น
-
My grandmother, who is sick, never leaves the house.
=> My sick grandmother never leaves the house.
= ยายของฉันป่วยและไม่เคยออกจากบ้าน
ดูเพิ่ม:
- การใช้ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) ฉบับอธิบายเข้าใจง่ายๆ กระจ่างสุด
- Which ในภาษาอังกฤษ – หลักการใช้
F – ข้อควรจำเมื่อใช้ relative clause
1 – หากมีบุพบทในอนุประโย relative clause เราสามารถวางคำบุพบทก่อนหรือหลังอนุประโยคก็ได้ โดยคำบุพบทมักจะตามหลัง whom หรือ which ที่เป็นกรรมในประโยค
เรามีตัวอย่างเช่น
- Mr. Brown is a nice teacher. We studied with him last year.
เราสามารถเขียนตาม 2 วิธีดังต่อไปนี้
- => Mr. Brown, with whom we studied last year, is a nice teacher.
- => Mr. Brown, whom we studied with last year, is a nice teacher.
แปลว่า คุณบราวน์ที่เราเรียนด้วยเมื่อปีที่แล้วเป็นครูที่ดี
2 – เราจะสามารถใช้ which เป็น relative pronoun เพื่อขยายทั้งอนุประโยคที่อยู่ข้างหน้า
ตัวอย่างเช่น
-
She can’t come to my birthday party, which makes me sad.
= เธอมางานวันเกิดฉันไม่ได้ ซึ่งทำให้ฉันเสียใจมาก
3 – เมื่อ whom ใช้เพื่อขยายคำนามที่เป็นกรรม เราสามารถใช้ who แทน whom ได้
ตัวอย่างเช่น:
-
I’d like to talk to the man whom/ who I met at your birthday party.
= ฉันอยากจะคุยกับผู้ชายคนที่ฉันได้เจอในงานวันเกิดคุณ
4 – ใน Defining Relative clause เราสามารถละทิ้ง relative pronoun อย่างเช่น whom, which เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรมในอนุประโยค
เรามีตัวอย่างประโยคเช่น
-
The girl you whom met yesterday is my close friend.
=> The girl you met yesterday is my close friend.
= ผู้หญิงที่คุณพบเมื่อวานคือเพื่อนสนิทของฉัน
-
The book which you lent me was very interesting.
=> The book you lent me was very interesting.
= หนังสือที่คุณให้ยืมฉันน่าสนใจมาก
5 – วลีที่บ่งบอกจำนวน some of, both of, all of, neither of, many of, none of สามารถนำหน้า whom, which และ whose ได้
เรามีตัวอย่างประโยคเช่น
-
I have two sisters, both of whom are students.
= ฉันมีพี่สาวสองคน ซึ่งทั้งคู่ยังเป็นนักเรียน
-
She tried on three dresses, none of which fitted her.
= เธอลองชุดสามชุด แต่ไม่มีชุดไหนที่เหมาะกับเธอเลย
6 – เราไม่ใช้ Who และ That ตามหลังบุพบท
G – Relative clause ที่ต้องใช้ THAT โดยไม่สามารถใช้ WHICH ได้
1 – เราต้องใช้ relative pronoun เป็น that เมื่อวลีหรือคำนามนำหน้า relative clause มีทั้งนามที่บ่งบอกบุคคลและสิ่งของ
ตัวอย่างเช่น
-
I can see a girl and her dog that are running in the park.
= ฉันเห็นเด็กผู้หญิงและสุนัขของเธอที่กำลังวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ
2 – เราต้องใช้ relative pronoun เป็น that เมื่อ relative clause ตามหลังคำนามที่มีคำคุณศัพท์ในรูปการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
ตัวอย่างเช่น
-
This is the most interesting book that I’ve ever read.
= นี่เป็นหนังสือที่น่าสนใจที่สุดที่ฉันเคยอ่านมา
3 – เราต้องใช้ relative pronoun เป็น that เมื่อ relative clause ตามหลังคำนามหรือนามวลีที่มีคำว่า all, only และ very
ตัวอย่างเช่น
-
That is all the things that I can say.
= นั้นคือทุกอย่างที่ฉันสามารถพูดได้
-
I bought the only coat that the shop had.
= ฉันซื้อเสื้อโค้ทตัวเดียวที่ทางร้านมี
-
You’re the only person that I would like to see.
= คุณเป็นคนเดียวที่ผมอยากพบ
4 – เราต้องใช้ relative pronoun เป็น that เมื่อ relative clause ตามหลัง Indefinite Pronoun (สรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ)
ตัวอย่างเช่น
-
He never says anything that pleases people.
= เขาไม่เคยพูดอะไรที่ทำให้ผู้อื่นพอใจ
-
She’ll tell you something that you want to know.
= เธอจะบอกคุณบางอย่างที่คุณอยากรู้
H – แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Relative Clause พร้อมเฉลย
แบบฝึกหัดที่ 1: จงเลือก relative pronoun หรือ relative adverb ที่ถูกต้องที่สุดเพื่อเติมคำในช่องว่าง
1. Mr. Ken, ______ is living next door, is a dentist.
A. that B. who C. whom D. what
2. Her computer, ______ is a Macbook Pro, got broke.
A. which B. whom C. who D. that
3. The man _______ she would get married with wanted to see her family.
A. which B. where C. whom D. who
4. Her grandmother, _______ is 70, often takes exercise.
A. what B. who C. where D. which
5. The woman _______ came here two days ago is her professor.
A. who B. that C. whom D. what
6. The really happy people are those …… enjoy their daily work.
A. what B. who C. which D. where
7. Freedom is something for ________ millions have given their lives.
A. which B. where C. whom D. who
8. My girlfriend loves tokbokki, _________ is Korean food.
A. which B. where C. whom D. who
9. Blair has passed the exam last week, ________ is great news.
A. who B. that C. which D. whom
10. The book ________ is in the car is his brother’s.
A. who B. that C. which D. whom
11. The man_____ lives behind my house is a doctor.
A.that B. who C. which D. whom
12. Peter, _____ I played video games with on the weekend, was younger than me.
A.that B. who C. which D. whom
13. The old building__________is in front of my house fell down.
A. of which B. which C. whose D. whom
14. We’ll come in July __________the schools are on holiday.
A. that B. where C. which D. when
1 – B. who | 2 – A. which | 3 – C. whom | 4 – B. who | 5 – A. who |
6 – B. who | 7 – A. which | 8 – A. which | 9 – C. which | 10 – C. which |
11 – B. who | 12 – D. whom | 13 – B. which | 14 – D. when |
แบบฝึกหัดที่ 2: เชื่อมสองประโยคโดยใช้ relative pronoun ที่เหมาะสม
1. She worked for a man. The man used to be an athlete.
_______________________________________________________________
2. They called a lawyer. The lawyer lived nearby.
_______________________________________________________________
3. I sent an email to my brother. My brother lives in Australia. _______________________________________________________________
4. The customer liked the waitress. The waitress was very friendly. _______________________________________________________________
5. We broke the computer. The computer belonged to my father. _______________________________________________________________
6. I dropped a glass. The glass was new.
_______________________________________________________________
7. She loves books. The books have happy endings.
_______________________________________________________________
8. They live in a city. The city is in the north of England.
_______________________________________________________________
9. The man is in the garden. The man is wearing a blue jumper. _______________________________________________________________
10. The girl works in a bank. The girl is from India.
_______________________________________________________________
1. She worked for a man who used to be an athlete.
2. They called a lawyer who / that lived nearby.
3. I sent an email to my brother who / that lives in Australia.
4. The customer liked the waitress who / that was very friendly.
5. We broke the computer which / that belonged to my father.
6. I dropped a glass which / that was new.
7. She loves books which / that have happy endings.
8. They live in a city which / that is in the north of England.
9. The man who is wearing a blue jumper is in the garden.
10. The girl who/ that works in a bank is from India.
แบบฝึกหัดที่ 3: จงเติมคำในช่องว่างโดยใช้หนึ่งใน relative pronoun ได้แก่ WHO, WHICH หรือ THAT
- The men _______ lives next door are English.
- The dictionary ______ you gave me is very good.
- Do you know the girls ______ are standing outside the church?
- The police are looking for the thief ______ got into my house last night.
- The chocolate ______ you like comes from the United States.
- I have lost the necklace ______ my mother gave me on my birthday.
- A burglar is someone ______ breaks into a house and steals things.
- Buses ______ go to the airport run every half hour.
- I can’t find the key ______ opens this door.
- I gave you a book ______ had many pictures.
- I don’t like the boy ______ Sue is going out with.
- Did you see the beautiful dress ______ she wore yesterday?
- The man ______ she is going to marry is very rich.
- This is the bank ______ was robbed yesterday.
- He wore a mask ______ made him look like Mickey Mouse.
- The men who live next-door are English.
- The dictionary which you gave me is very good.
- Do you know the girls who are standing outside the church?
- The police are looking for the thief who got into my house last night.
- The chocolate which you like comes from the United States.
- I have lost the necklace which my mother gave me on my birthday.
- A burglar is someone that breaks into a house and steals things.
- Buses that go to the airport run every half hour.
- I can’t find the key which opens this door.
- I gave you a book which had many pictures.
- I don’t like the boy who Sue is going out with.
- Did you see the beautiful dress which she wore yesterday?
- The man whom she is going to marry is very rich.
- This is the bank which was robbed yesterday.
- He wore a mask which made him look like Mickey Mouse.
แบบฝึกหัดที่ 4: จงเลือกรูปแบบการลดรูปของ relative clause ที่ถูกต้องที่สุด
- Bill was one of the first American artists ……………….. landscapes.
A. painting B. painted C. to paint D. for painting
- Athletes do their best to win medals ……………….. to winners as awards.
A. giving B. are given C. given D. to give
- John was the last applicant ……………….. for a position in that energy station.
A. to interview B. which is interviewed
C. interviewing D. to be interviewed
- Scientists will find ways ……………….. our supplies of coal, oil and gas.
A. to increase B. increasing
C. that is increasing D. increased
- Our kind teacher wanted to teach us ……………….. he knew about this lesson.
A. that B. all what C. that all D. everything which
- C. to paint
- C. given
- D. to be interviewed
- A. to increase
- B. all what
I – สรุปเกี่ยวกับการใช้ Relative Clause
- เราต้องเลือกใช้คำ Relative Pronoun เพื่อเชื่อมประโยคให้ถูกต้อง ตามรูปแบบของคำนามที่อยู่ด้านหน้า
- เราจะใช้เครื่องหมายคอมม่านำหน้า Relative Pronoun หรือไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้พูด หรือผู้เขียน ว่าส่วนขยายนั้นสำคัญกับประโยคหรือไม่
เป็นยังไงบ้างคะเพื่อน ๆ สำหรับบทความเกี่ยวกับหลักการใช้ Relative Clause พร้อมแบบฝึกหัด ที่ Eng Breaking ได้แนะนำมาให้วันนี้
แม้ว่า Relative Clause จะยากและสับสนแค่ไหนก็กลายเป็นเรื่องที่ง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ ถ้าเจอปัญหาอะไรในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ อย่าลืมว่ามี Eng Breaking คอยเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
ไม่พลาดกับบทความนี้ :
- Linking Verb: รวมไวยากรณ์ที่น่ารู้ พร้อมแบบฝึกหัด
- Reflexive pronouns: การใช้สรรพนามตนเองฉบับเข้าใจง่ายใน 5 นาที
- เคล็ดลับเด็ด ๆ แยกการใช้ Say Tell Speak Talk ง่ายกว่าที่คิด
-
Mik Jakkaphat
เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ
-
Soda Sodaaa
เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ
-
RueThaiRut
เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ
-
เจมส์ ธีรพงศ์
มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ
-
Cat Catt
ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ
-
Meawww Jhaa
เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?
-
Naphawan MeeJaiii
นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!
-
GotCha
ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!
-
ป๋อง ฤทธิเดช
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ
-
ดวงใจ มาเต็ม
เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ
-
หนูน้อย หมวกแดง
เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.
Sudarat Manee
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .