เคยสับสนกันไหมว่า คำว่า Price, Cost, Charge, Expense, Fare, Fee, Fine, Toll ล้วนใช้เพื่ออ้างถึงเรื่องเงิน ค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมอะไรต่าง ๆ อย่างไรก็ตามแต่ละคำมีลักษณะและการใช้ที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับบริบทและกรณี เราเลือกใช้คำให้เหมาะสม วันนี้เรามาดูความแตกต่างและแยกการใช้ของคำเหล่านี้ เพื่อไม่ให้คุณสับสนเมื่อใช้อีกต่อไปนะคะ
1 – การใช้ Price
Price (n): / praɪs/ ราคา
โดยเราจะใช้ Price เพื่อหมายถึงจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายเพื่อซื้ออะไรสักอย่าง ซึ่งมันก็คือ ราคาสินค้านั่นเอง
เรามีตัวอย่างประโยค:
-
What is the price of this bicycle?
(จักรยานคันนี้ราคาเท่าไร?)
-
The price of the new iphone is increasing annually.
(ราคาของไอโฟนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี)
-
The price of this book was 150 baht
(ราคาของหนังสือเล่มนี้คือ 150 บาท)
วลีที่มี Price:
- at a price: มาพร้อมกับราคา
- at no price: ไม่มีราคา หรือเกิดอะไรก็ตาม
- at any price: ไม่ว่าราคาจะเท่าไรก็ตาม
ดูเพิ่ม:
2 – การใช้ Cost
Cost (v/n): /kost/: ราคา ต้นทุน
โดยเราจะใช้ cost เพื่อหมายถึง จำนวนเงินทีุ่คุณต้องจ่ายเพื่อทำหรือผลิตบางสิ่งบางอย่าง ในความหมายทางด้านธุรกิจ คำว่า cost ยังหมายถึงต้นทุนอีกด้วย
เราลองมาดูตัวอย่างประโยค
-
This jacket costs 75 dollars
เสื้อแจ็คเก็ตตัวนี้ราคา 75 ดอลลาร์
-
The cost of building a new house was estimated at $180,000.
ค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านใหม่อยู่ที่ประมาณ 180,000 ดอลลาร์
-
What is the cost of manufacturing an iPhone 13?
ต้นทุนการผลิต iPhone 13 คือเท่าไร
หมายเหตุ: Cost สามารถใช้ได้ทั้งเป็นคำนามและกริยา และ cost มีความหมายที่กว้างกว่าคำว่า price เพราะมันไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ราคาเท่านั้น แต่มันสามารถใช้บอกค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนของการผลิตสินค้าหรือบางอย่างอีกด้วย
วลีที่มี Cost:
- To cost an arm and a leg’ – หมายถึง ราคาแพงมาก
- Cost of living: ค่าครองชีพ
วิธีการถามราคาในภาษอังกฤษ
เวลาที่เราอยากถามราคาของบางอย่างในภาษาอังกฤษ เราสามารถใช้คำถามดังต่อไปนี้
คำถามราคาที่ 1:
How much + to be + subject?
คำตอบ:
It/They + to be + ราคา
Ex:
-
How much is this laptop? (โน๊ตบุ๊กรุ่นนี้ราคาเท่าไร)
It is 20,000 baht. (มันมีราคาสองหมื่นบาท).
วิธีการถามราคาที่ 2: ใช้คำว่า cost เป็นกริยา
How much do/does + subject + cost?
คำตอบ:
It/They + cost + ราคา
* หมายเหตุ: Cost ต้องใช้ในรูปแบบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประธานของประโยค
Ex:
-
How much does this laptop cost? (โน๊ตบุ๊กรุ่นนี้ราคาเท่าไร)
➔ It costs 20,000 baht. (มันมีราคาสองหมื่นบาท).
วิธีการถามราคาที่ 3: ใช้คำว่า price เป็นคำนาม
What is the price of + Noun (คำนาม) ?
คำตอบ:
It/They + to be + ราคา
Ex:
-
What is the price of this hat? (หมวกใบนี้ราคาเท่าไรคะ?)
➔ It is $20. (มันมีราคา 20 ดอลลาร์)
นอกจากนั้นเราสามารถถามได้ว่า
Can you tell me the price of + Noun (คำนาม) ?
(คุณช่วยบอกราคาของ… ได้ไหม)
ดูเพิ่มเติมที่:
ชื่อสีในภาษาอังกฤษ ฉบับเต็ม พร้อมความหมายของแต่ละสี
3 – การใช้ Charge
Charge: (n) /tʃɑːrdʒ/ ค่าธรรมเนียม , มูลค่า
เราก็ใช้คำว่า charge เพื่อพูดถึงจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายสำหรับค่าสินค้าและบริการ หรือค่าธรรมเนียมในการใช้บริการต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้บริการธนาคาร
ตัวอย่าง
-
Parents will have to pay a small charge for the service.
แปลว่า ผู้ปกครองจะต้องจ่ายค่าบริการเพื่มเล็กน้อยสำหรับการบริการ(นี้)
-
There’s an admission charge of $5.
แปลว่า มีค่าบริการเข้าชม 5 ดอลลาร์
ในกรณีที่ Charge เป็นกริยา ก็แปลได้ว่า เรียกเก็บ หรือคิดค่าใช้จ่าย เช่น
-
The hotel charges 800 baht a night.
แปลว่า โรงแรมคิดค่าบริการ 800 บาทต่อคืน
เราจะมีวลีกับ Charge:
- at no charge: ไม่คิดค่าใช้จ่าย
- free of charge: ไม่คิดค่าใช้จ่าย
- To charge for something: คิดค่าบริการสำหรับ
ไม่พลาดกับบทความนี้:
- รวมคำศัพท์ทางการแพทย์ภาษาอังกฤษที่นิยมใช้ พร้อมการอ่าน
- รวม 150+ คำศัพท์เกี่ยวกับธุรกิจภาษาอังกฤษ รู้ไว้ได้ใช้แน่
4 – การใช้ Expense
Expense /ɪkˈspens/ ค่าใช้จ่าย
Expense หรือค่าใช้จ่าย คือ มูลค่าเงินที่ใช้เป็นค่าบริการหรือสินค้าต้องจ่ายเมื่อทำกิจกรรมใด ๆ ด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต
เราจะมีตัวอย่างเช่น
-
The company will cover all travel expenses.
บริษัทจะครอบคลุมค่าเดินทางทั้งหมด
-
The cost of airplane flights is often the biggest expense of travel.
ราคาตั๋วเครื่องบินมักจะเป็นค่าใช้จ่ายหลักของการเดินทาง
วลีที่มี Expense:
- at any expense แปลว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม หรือ ไม่ว่าจะยากเท่าไรก็ตาม หรือ ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด ๆ ก็ตาม หรือที่นิยทมากกว่า at any price
5 – การใช้ Fee
Fee /fiː/: ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ
จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายให้กับผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ ทนายความ ค่าธรรมเนียมบริการเฉพาะ เช่น ค่ารักษา ค่าเล่าเรียน ค่าจดทะเบียนรถยนต์ บริการด้านกฎหมาย เป็นต้น
เราจะมีตัวอย่างเช่น
-
She fully paid for her college fees.
เธอจ่ายค่าเล่าเรียนครบแล้ว
ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายเพื่อสามารถเข้าสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เช่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์
-
And for a small fee, I can even get you to Major Cineplex.
และด้วยค่าใช้จ่ายเล็กน้อย ผมก็สามารถพาคุณไปที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ได้ด้วย
6 – การใช้ Fare
Fare – /fer/: ค่าโดยสาร ค่าพาหนะ, ค่าเดินทาง
Fare หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายเพื่อการเดินทาง เช่น ค่าโดยสาร ค่าตั๋วรถเมล์ ค่าตั๋วรถไฟ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าตั๋วรถไฟฟ้า
-
How much is the BTS fare to Silom?
ค่าตั๋วรถไฟฟ้าไปสีลมเท่าไรคะ
-
The railroad fare for children is half of the adult fare.
ค่าโดยสารรถไฟสำหรับเด็กคือครึ่งหนึ่งของค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่
-
The bus fare here is 10 baht a section.
ค่ารถเมล์ที่นี่คือ 10 บาทต่อเส้นทาง
7 – การใช้ Fine
Fine: – /faɪn/: ค่าปรับ
Fine หรือค่าปรับ เป็นจำนวนเงินที่คุณได้รับการปรับเมื่อคุณทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือผิดนัดชำระ
ตัวอย่างประโยค
-
We must return the books to the library today; otherwise, we will have to pay a fine.
เราจะต้องเอาหนังสือพวกนี้ไปคืนที่ห้องสมุดให้ทันเวลา ไม่งั้นเราจะต้องจ่ายค่าปรับ
-
She was fined $10 due to run a red light
(เธอถูกปรับ $10 เนื่องจากฝ่าไฟแดง)
นอกจากนั้น Fine ยังได้ใช้เป็นกริยาอีกด้วย
Fine เป็น กริยา แปลว่า ปรับ (เวลาเราทำผิด หรือ ผิดนัดชำระ)
ตัวอย่างประโยค
-
I am fined when I pay the bill late.
ผมถูกปรับทุกครั้งที่ผมจ่ายบิลช้า
(I am fined เป็นการสร้างประโยคแบบ passive voice: S + be +V3 = ประธานถูกกระทำ)
ดูเพิ่มเติมที่:
รวมคำศัพท์ทางการแพทย์ภาษาอังกฤษที่นิยมใช้ พร้อมการอ่าน
8 – การใช้ Toll
Toll: – /toʊl/: ค่าผ่านทาง
Toll หรือ ค่าผ่านทาง ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่คุณจ่ายเพื่อผ่านทาง ทางด่วน หรือสะพาน
-
Drivers have to pay 100฿ toll for crossing a bridge.
คนขับต้องเสียค่าผ่านทาง 100 บาท เพื่อข้ามสะพาน
วลีที่มี Toll:
- Highway toll: ค่าผ่านทางด่วน
9 – แบบฝึกหัดเกี่ยวกับการใช้ Price, Cost, Charge, Expense, Fee, Fare, Fine, Toll
แบบฝึกหัดที่ 1: จงเติมคำในช่องว่างโดยเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
1) You must pay 200฿ highway ____ when entering that way.
A – Toll
B – Fee
C – Fare
2) Bus ____ are going up 20% by the end of next month.
A – fees
B – fares
C – Cost
3) He had to pay a ____ for parking in a prohibited area.
A – fee
B – fare
C – fine
4) Private school____ are very expensive.
A – fees
B – fares
C – fines
5) The total ____ for buying all the new furniture is around $5000
A – Expense
B – Charge
C – Price
6) It costs a lot in lawyers’ ____.
A – Fares
B – Fees
C – Expense
7) The man has robbed a shop, if found guilty he faces six months in jail and a heavy ____ .
A – Cost
B – Price
C – Fine
8) I am going to see lions and giraffes with the children,today the admission ____ to the zoo is cheap.
A – Fare
B – Fee
C – Expense
9) On some planes, children under 14 travel half ____ .
A – Fare
B – Price
C – Fee
10) The ____ of living in the big city is higher than in countryside
A – Price
B – Cost
C – Expense
- เลือกข้อ A. Toll ( Highway Toll: ค่าทางด่วน)
- เลือกข้อ B. Fares (Bus Fares: ค่าโดยสารรถเมล์)
- เลือกข้อ C. Fine (Fine: ค่าปรับ เพราะเขาจอดรถในที่มีป้ายห้ามจอดรถ)
- เลือกข้อ A. Fee (School fee: ค่าเล่าเรียน ค่าเทอม)
- เลือกข้อ A. Expense ( Expense: ค่าใช้จ่าย)
- เลือกข้อ B. Fee ( Lawyers’ fee: ค่าบริการสำหรับทนายความ)
- เลือกข้อ C. Fine (Fine: ค่าปรับ)
- เลือกข้อ B. Fee ( Admission fee: ค่าเข้า)
- เลือกข้อ A. Fare (Half fare: ครึ่งราคาค่าโดยสาร)
- เลือกข้อ B. Cost (Cost of living: ค่าครองชีพ)
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ ทุกคนก็คงเข้าใจการใช้ Price, Cost, Charge, Expense, Fee, Fare, Fine, Toll ยังไงแล้ว ใช่ไหมล่ะ การเรียนภาษาอังกฤษมันไม่ยากอย่างที่คิดหากเราตั้งใจเรียนทุก ๆ วัน และอย่าลืมติดตาม Eng Breaking เพื่อไม่พลาดบทความเด็ด ๆ เกี่ยวกับความรู้ภาษาอังกฤษของเรานะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนค่ะ
ไม่พลาดกับบทความนี้ :