ใครๆ ก็สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ด้วยเคล็ดลับการเรียน “ง่ายๆ” นี้
จาก: มานิสา – เด็กสาวผู้ “ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ” สามารถสื่อสารได้คล่อง จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อมานิสาหรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า “มานิสาเด็กโง่” ฉันได้ชื่อนี้มาเพราะ… ตั้งใจเรียนอย่างมากแต่ยังโง่ภาษาอังกฤษอยู่ดี คำว่า “โง่” เป็นคำศัพท์สำหรับคำว่า “รู้อะไรบ้างป่ะเนี่ย” 555
แค่เพียงพริบตา เพื่อนๆ ของฉันต่างต้อง “ตะลึง” เมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงภาษาอังกฤษของฉันจากระดับที่ “ไร้ซึ่งความหวัง” อย่างฉัน 555
และนี่คือเรื่องราวของฉัน…
เกรด F ในวิชาภาษาอังกฤษคือบทเรียนแรกในชีวิตของเธอ
การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยความคิดแบบเรียนๆ เล่นๆ ไปในช่วงแรก ฉันเลยไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไรมากนัก ดังนั้นเกรดแต่ละวิชาที่ออกมานั้นก็แค่พอผ่าน
แต่มีเพียงวิชาภาษาอังกฤษ “สุดยาก”นี้เท่านั้นที่ฉันได้เกรด “F” ซึ่งการได้เกรด “F” นี้แปลว่าฉันต้องลงเรียนใหม่หรือกลับไปสอบซ่อมเพื่อแก้ F ก็ไม่ได้
ด้วยความ “ละอาย” ฉันไม่กล้าที่จะขอเงินพ่อแม่เพราะว่า “ฉันต้องลงเรียนใหม่” ดังนั้นฉันเลยต้อง “เก็บ” เงินที่พวกท่านให้ฉันตอนต้นเดือนมาจ่ายเป็นค่าลงเรียนใหม่แล้วหลังจากนั้นอีกครึ่งเดือนฉันต้องกินข้าวกับเต้าหู้หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทน
พอช่วงเวลานั้นผ่านไป ฉันบอกกับตัวเองว่าต้องตั้งใจเรียนในมหาวิทยาลัยให้ดีเพราะการเรียนอย่างไม่ใส่ใจนั้นจะทำให้เสียเงินอย่างง่ายดาย
ในปีแรกฉันเรียนวิชาทั่วไปง่ายๆ แต่พอเป็นวิชาภาษาอังกฤษ มันกลับเป็นวิชาที่ “ยากที่สุด” ที่ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี :/
ความคิดดี แต่เลือกผิดวิธี
ตอนนั้นเป็นช่วงที่เทอมสองเริ่มแล้ว เพื่อนของฉันออกไปทำงานพาร์ทไทม์กันจนหัวหมุน บางคนก็หางานที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่จ่ายเงินให้แค่ชั่วโมงละ 20 บาท บ้างก็ทำงานเป็นติวเตอร์ที่ได้เงิน 150 บาทต่อชั่วโมง
พอกลับถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ทุกคนไม่สามารถทบทวนบทเรียนต่อได้แล้ว พวกเขาบอกกับฉันว่าการทำงานพาร์ทไทม์ช่วยให้พวกเขาสามารถหาเงินซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่ได้บ้าง แต่ฉันเองก็ยังสงสัยอยู่…
ฉันคิดในใจกับตัวเองว่าทำงานอย่างหนักเหมือนพวกเขาหาเงินได้เพียงเดือนละ 5000-7000 บาทเท่านั้นและไม่มีเวลาให้กับการเรียน จากนั้นแน่นอนว่าก็ต้องลงเรียนใหม่แล้วหวังว่าเงินจากการทำงานพาร์ทไทม์จะมากพอที่จะจ่ายเงินลงเรียนใหม่ได้
ในเวลานั้นเองที่ฉันพบกับพี่สาวของฉันที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอให้ความคิดกับฉันว่า “เธอไม่ควรอยากได้เงินจากการทำงานพาร์ทไทม์ แต่เธอควรที่จะต้องตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าเธอพูดภาษาอังกฤษได้ เธอก็จะหางานที่ได้เงินเดือนสูงๆ ได้”
หลังจากได้ยินความคิดของพี่สาวบวกกับเกรด “F” ที่ได้มานั้น ฉันจึงตัดสินใจ “ขอเงิน” จากพ่อแม่ของฉันเพื่อลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษอย่างเหมาะสมที่ศูนย์ภาษา
ฉันลงเรียน 2 หลักสูตรที่ศูนย์ภาษาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง (ไม่ระบุชื่อ) ได้แก่ หลักสูตรแรกคือหลักสูตรอ่านออกเสียงและอีกหนึ่งหลักสูตรคือหลักสูตรการสื่อสารพื้นฐาน
หลังจากนั้น 6 เดือนการอ่านออกเสียงของฉันดีขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันยังคงสื่อสารได้ไม่ดี
นอกจากนี้ฉันยังพูดภาษาอังกฤษได้แย่จนใครๆ ก็ต้องหัวเราะเมื่อได้ยิน…
มันทำให้ฉันกลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนเยอะๆ ฉันสิ้นหวังนะ แต่พ่อแม่ของฉันก็คอยโทรหาเพื่อถามถึงการเรียนภาษาอังกฤษของฉันอยู่เป็นประจำจนฉันต้องโกหกว่า “หนูคิดว่าหนูทำได้ดีขึ้นนะ”
ถ้าไม่ยอมทำพลาดก็จะไม่มีวันเรียนรู้อะไร
ฉันยังคงเสียใจที่ฉันใช้เงินก้อนโตลงเรียนภาษาอังกฤษที่ศูนย์ภาษา แต่การ “ไม่ได้อะไรกลับมาเลย” นั้นน่าเสียใจยิ่งกว่า
ฉันจึงเลือกตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า “ฉันไม่ต้องการศูนย์ภาษาแล้ว ฉันจะเรียนภาษาด้วยตัวเอง” จากนั้นฉันก็เริ่มเรียนภาษาด้วยตัวเองเป็นเวลา 1 เดือนและต้อง “พบกับปัญหา” มันยากเกินไป
ฉันไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ไหน ด้วยการที่ฉันเป็น “คนขี้ลืม” ฉันมักจะลืมสิ่งที่ฉันเรียนอยู่เป็นประจำ
… ฉันจดสิ่งที่ฉันเรียนทุกครั้งจน “ทั้งกำแพงมีแต่โน้ตที่ฉันจดไว้” แต่ฉันจำสิ่งที่จดได้แค่เพียง… 3 วันเท่านั้น จากนั้นฉันก็ลืมมันทั้งหมด
… ฉันท่องจำไวยากรณ์ได้เหมือนกับสูตรคูณ แต่ฉันไม่รู้วิธีใช้ แม้แต่เพื่อนของฉันยังส่ายหน้า “อย่างแรง” “เธอนี้แย่ขั้นหนักเลยนะเนี่ย”!
ด้วยความหมดหวังและไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีจนเกือบจะ ”ถอดใจ” ฉันเลยตัดสินใจ…
…“เขียนอีเมลจากใจ” ส่งไปให้อาจารย์ภาษาอังกฤษของฉันที่มหาวิทยาลัย “ยอมสารภาพความรู้สึก” ที่แสนเจ็บปวดของฉันในการพยายามเรียนภาษาอังกฤษที่ “โคตรยาก”
แล้วอาจารย์ก็แนะนำให้ฉันเรียนาภาษาอังกฤษกับ Eng Breaking ด้วยตัวเอง พร้อมกับเขียนโน้ตถึงฉันว่า “มันไม่ใช่ว่าเธอไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่มันเป็นเพราะเธอยังไม่เจอวิธีที่จะเรียนรู้มันอย่างถูกต้อง สู้ๆ นะ!”
การศึกษาภาษาอังกฤษตลอด 12 ปีเหมารวมอยู่ในการศึกษาด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน
จากคำแนะนำของอาจารย์ ฉันจึงค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมโดยทันทีเกี่ยวกับหลักสูตร Eng Breaking, อ่านเรื่องราวของเหล่าผู้เรียนที่มีอายุมากแล้ว
ฉันพบว่าที่นั่นมีนักเรียนอายุ 78 ปีที่ยังคงเรียนภาษาอังกฤษอยู่ ขอบคุณวิธีนี้ มันทำให้ฉันพบ “ความตื่นเต้น” ที่จะเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ขอเงินจากพ่อแม่อีกแล้ว ฉันยอมควักเงินในกระเป๋าตัวเองเพื่อลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรศึกษาดวยตัวเองนี้ มันกลายเป็นว่าค่าเรียนตลอด 6 เดือนด้วยวิธีใหม่นี้มีราคาเท่ากับการลงเรียนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยใหม่อีกครั้ง
ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องลองเสี่ยงดู เสียเงินหนึ่งครั้งก็ดีกว่าต้องมาเสียเงินลงเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า!ฉันตัดสินใจลงเรียน Eng Breaking โดยทันที จากนั้นก็ “ค่อยๆ” เรียนไปทีละนิด บทเรียนในหนึ่งสัปดาห์มีดังต่อไปนี้:
- วันจันทร์: การฟังเชิงลึก
- วันอังคาร: การทบทวน (ความเร็ว 2 แบบ: แบบช้าก่อนจากนั้นก็แบบเร็ว)
- วันพุธ, วันพฤหัสบดี, วันศุกร์, วันเสาร์: การโต้ตอบอย่างรวดเร็ว
- วันอาทิตย์: ว่าง
ตอนแรกฉันไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่นักเพราะการทบทวนนั้นยาก (ลิ้นของฉันแข็งเพราะฉันไม่คุ้นเคยกับการพูดภาษาอังกฤษ) 😀
แต่ยิ่งเรียนบทเรียนต่างๆ มากเท่าไหร่ ฉันก็ชอบบทเรียนทบทวนมากเท่านั้นเพราะการอ่านออกเสียงของฉันพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด
บางครั้งฉันจำเสียงตัวเองเวลาพูดภาษาอังกฤษในคลิปอัดเสียงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ฉันสนุกกับมันมากๆ เลย
การฟังเชิงลึกก็ไม่ยาก ฉันคัดลอกไฟล์ทั้งหมดลงมือถือของฉันเพื่อที่ฉันจะได้ฟังภาษาอังกฤษนิดหน่อยก่อนนอน, ในช่วงเวลาพักกินข้าวที่โรงเรียนหรือแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ =)) ฉันทำแบบนี้เป็นประจำ
สำหรับการโต้ตอบอย่างรวดเร็ว ฉันฝึกความสามารถในการตอบภาษาอังกฤษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ปกติแล้วเมื่อฉันได้ยินนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกพูด สมองของฉันก็จะต้อง “คิด” สักพักก่อนที่ถึงจะเข้าใจและใช้เวลาอีกนิดหน่อยในการคิดเพื่อตอบคำถาม
การฝึกโต้ตอบอย่างรวดเร็วนี้จะช่วยให้คุณพูดคำตอบที่ถูกต้องได้หลังจากที่ได้ยินคำถามโดยที่ไม่ต้อง “คิด” อีกต่อไป
การเรียนรู้แบบนี้ไม่ต้องใช้หนังสือมากมาย
ทุกครั้งที่ฉันเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ฉันไม่ต้องจดลงสมุดหรือกระดาษอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเหมาะกับคนที่ขี้เกียจอย่างฉันมากๆ แค่คัดลอกไฟล์เสียงลงในโน้ตบุ๊คหรือมือถือและเสียบหูฟัง จากนั้นก็เรียนรู้ตามอัธยาศัย
ระยะเวลาที่แน่นอนอนของหลักสูตรนี้คือ 3 เดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ฉัน “ขี้เกียจ” อยู่บ้างเลยต้องใช้เวลา 4 เดือนในการเรียนให้จบหลักสูตร
ถึงอย่างนั้นความสำเร็จที่ได้หลังที่ ”พยายาม” มาตลอด 4 เดือนถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว:
- พูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกได้อย่างคล่องแคล่วด้วยสำเนียงมาตรฐานของชาวอเมริกัน
- ทักษะการฟังของฉันดีขึ้น (บางครั้งฉันทดสอบทักษะการฟังของฉันด้วย Ted-ed และฉันเข้าใจได้มากถึง 70-80%)
- การโต้ตอบในการฟัง-พูดของฉันดีขึ้นเยอะมากๆ
และแน่นอนว่าคะแนนภาษาอังกฤษของฉันที่มหาวิทยาลัยก็ดีขึ้นด้วย จากที่เคยได้ 3 และ 4 คะแนนในอดีตกลายเป็น 8 และ 9 รู้สึกได้ราวกับว่าชีวิตของฉัน “กำลังเปลี่ยนไป”!
หลังจากเรียน Eng Breaking พร้อมสอบ IELTS ชีวิตเราเปลี่ยนไป…
การได้เห็นความสามารถในภาษาอังกฤษของฉันดีขึ้น อาจารย์จึงสนับสนุนให้ฉันพยายามมากขึ้นเพื่อสอบ IELTS แล้วค้นหาทุนไปเรียนต่อเมืองนอก
ในตอนนั้นเองคำ 3 คำ “เรียนเมืองนอก” ฟังดู “หรูหรา” มากๆ สำหรับฉัน ฉันไม่เคยแม้แต่จะกล้าคิดด้วยซ้ำ! แต่ช่างมัน ฉันจะลองดู บางทีมันอาจจะออกมาดีก็ได้
ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเรียนด้วยตัวเอง (เพราะที่ศูนย์ภาษามีค่าใช้จ่ายที่แพงเกินไป) ฉันค้นหาสื่อการเรียนรู้ IELTS บนอินเตอร์เน็ต หลักๆ คือเพื่อพัฒนา 2 ทักษะของการเขียนและการอ่าน
สำหรับการฟังและการพูด ฉันค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณการเรียนหลักสูตร Eng Breaking ฉันแค่ต้องการเพิ่มความรู้ให้กับภาษาอังกฤษของฉันโดยการรวบรวมเคล็ดลับและคำศัพท์ให้มากขึ้น
เพื่อจ่ายค่าสื่อการเรียนรู้ (อย่างที่คุณรู้ๆ กันว่าสื่อที่ใช้เรียนภาษาอังกฤษ นั้นมีราคาค่อนข้างแพง) ฉันเลยสมัครเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติของที่พักแห่งหนึ่งที่ได้เงิน 200 บาท
บางครั้งก็อาจได้ทิปจากนักท่องเที่ยวราวๆ 300-600 บาท ฉันสามารถรับทัวร์ได้ 5 ทัวร์ต่อเดือน โดยเฉลี่ยแล้วฉันได้เงิน 1500 – 3000 บาท ต้องขอบคุณงานไกด์นี้ที่ทำให้ฉันสามารถพัฒนาภาษาอังกฤษและพบกับเพื่อนใหม่ๆ
หลังจากที่ศึกษาด้วยตัวเองสักพัก ฉันจึงลงสมัครเข้าสอบ ผลคะแนนโดยรวมของฉันมันดีกว่าที่คาดไว้ เยี่ยมไปเลย!
สำหรับใครก็ตามที่แทบ “ไม่มีพื้นฐาน” ภาษาอังกฤษและ “ขี้ลืม” อย่างฉันยังสามารถเรียนได้ ฉันเชื่อว่าทุกคนสามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ด้วยEng Breaking แค่ต้องมีศรัทธา ความตั้งใจอย่างมากอีกนิดหน่อย ให้ Eng Breaking ดูแลทุกอย่าง ฉันสาบานเลยว่ามันได้ผลจริง!
-
Sudarat Manee
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .
-
Mik Jakkaphat
เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ
-
Soda Sodaaa
เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ
-
RueThaiRut
เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ
-
เจมส์ ธีรพงศ์
มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ
-
Cat Catt
ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ
-
Meawww Jhaa
เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?
-
Naphawan MeeJaiii
นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!
-
GotCha
ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!
-
ป๋อง ฤทธิเดช
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ
-
ดวงใจ มาเต็ม
เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ
-
หนูน้อย หมวกแดง
เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.
IELTS course
Eng Breaking ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความคิดเห็นจากคุณ
Eng Breaking ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความคิดเห็นจากคุณ
Email and you are not
Email and my message MU a good day delivery will be in the next 1999$&@¥©®™✓∆π£%()? Google analytics and my message MU the go ahead with New name is Going Off and my love Your email a @Yee1997@1223 +=#mi a am Thanaporn Jeentow you ❤️💕🤪