Passive Voice คืออะไร แล้วมีหลักการใช้ยังไงบ้าง บทความเดียวนี้จะช่วยคุณหาทุกคำตอบเกี่ยวกับ Passive Voice ตั้งแต่หลักการใช้ Passive Voice ครบทั้ง 12 Tenses มาฝากกัน
รับรองว่าเรียนได้อย่งกล้วยๆ จดจำได้ง่าย ใช้งานได้ดีแน่นอน
1 – Passive Voice คืออะไร??
สำหรับ Passive Voice จะมีหลายๆ การอธิบาย แต่วันนี้ Eng Breaking จะสรุปให้คุณเข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องของ Passive-Voice พร้อมตัวอย่างประโยคให้เห็นภาพได้ชัดดังนี้
เมื่อคุณเจอประโยคหนึ่งที่มีโครงสร้างของประโยคที่ประธาน “เป็นผู้ถูกกระทำ” นั้นจะเป็นประโยค Passive-Voice เช่น
- You should do your homework. แปลว่า คุณควรทำการบ้าน
แต่ถ้าเปลี่ยนประโยคนั้นเป็นประโยค passive voice เราสามารถเขียนเป็นแบบนี้เลย Your homework should be done. แปลว่า การบ้านของคุณควรทำ
เห็นไหมคะ ในประโยคนนี้ “homework” จะเป็นสี่งที่ถูกระทำ คือจพได้ทำให้เสร็จเรียบร้อยโดย “Your” หมายถึง คุณนะคะ
แต่ในบ้างกรณีอย่างที่บอกแล้วว่า passive-voice นั้นจะเน้น ผู้ถูกกระทำ ดังนั้นใครเป็นคนทำไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะรู้ๆกันโดยนัยนะคะ
ถ้าพูดถึง passive voice ในภาษาอังกฏษเราก็ต้องพูดถึง Active Voice คือประธานเป็น “ผู้กระทำ” เอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือประโยคโครงสร้างแบบปกติที่เราใช้กัน เช่น
– Mary walks to school every Monday. (แมรี่ “เดิน” เอง)
– The teacher asked students to discuss the topic. (คุณครู “สั่ง” เอง)
รายละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างระกว่าง passive-voice และ Active Voice เดี๋ยวจะได้เขียนรายละเอียดในส่วนต่อไปนะคะ เพื่อช่วยให้คุณแยกให้ออกประโยคไหนคือ passive-voice และ ประโยคไหนเป็น Active Voice
ตัวอย่างเกี่ยวกับ passive voice
My son was bitten by a dog จะเห็นเลยว่าในประโยคนี้ประธานเป็นผู้ที่ถูกกระทำคือ My son
แต่ถ้าเราใช้เป็นประโยคแบบว่า A dog bit my son ประธานจะเปลี่ยนเป็น A dog เป็ยสีงที่กระทำ
ดังนั้น My son was bitten by a dog เป็นประโยค passive voice ส่วน A dog bit my son เป็นปรพะโยค Active Voice
ยกตัวอย่างเพิ่มเพื่อให้เห็นภาพรวมได้ง่ายเกี่ยวกับเรื่องของ passive voice ดังนี้
- The cheese cake was eaten เป็น ประโยค passive-voice (Tom ate the cheesecake เป็น ประโยค Active Voice)
- His letter hasn’t been read yet เป็น ประโยค passive voice (Mina hasn’t read his letter yet เป็น ประโยค Active Voice)
- The report will be finished soon เป็น ประโยค passive-voice (He will finish the report soon เป็น ประโยค Active Voice)
ดูเพิ่ม:
2 – โครงสร้าง Passive Voice
เคยสงสัยกันไหมว่าประโยค Passive-Voice มีรูปร่าง หน้าตาเป็นอย่างไร ทำอย่างไรเพื่อสังเกตประโยคนั้นๆ เป็นประโยค Passive Voice? คำตอบจะมีดังต่อไปนี้
โครงสร้าง passive-voice หลักๆเลย จะต้องมี Verb to be กำกับด้วยเสมอ (is, am, are, was, were, been) เขียนเป็นแบบนี้นะคะ V. to be + V.3
เห็นไหมคะในโครงสร้างประโยคนี้ส่วนคำนามที่อยู่ข้างหน้านั้น “โดนกระทำ” เช่น
- Eric read the novel in one day. แปลว่า Eric อ่านนิยายจบในวันเดียว นี่เป็นประโยคActive เพราะในประโยคนี้เน้นคำนามที่เป็นคนทำ คือ Eric เป็นผู้กระทำ
- แต่ถ้าเขียนตามโครงสร้างของ Passive เราจะมีประโยคอื่น คือ The novel was read in one day. แปลว่า นิยายอ่านจบภายในวันเดียว ในประโยคนี้เน้นที่คำนามที่ถูกกระทำ คือหนังสือ และเข้าใช่กันเองว่าผู้กระทำคือ คนๆ หนึ่ง ไม่ใช่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เหมือนที่พูดด้านบนนะคะ
3 – โครงสร้าง Passive Voice ใน tense ต่างๆ
ถ้าโครงสร้าง Passive-Voice จะเป็นแค่ V. to be + V.3 มันคงง่ายแล้วใช้ไหมคะ
แต่ในไวยากรณ์ภาษาอังกฏษมีทั้งหทด 12 tense เลยนะคะ ถ้าเรียนไม่หมด แต่ก็ต้องเลือก tense ที่สำคัญๆ มา 5-7 tense มักจะใช้บ่อยมาเรียนรู้กันเลยนะคะ
เพื่อแก้ปัญหาคือเจอความสับสน ซับซ้อนของ Passive-Voice จะยังเกิดขึ้นเมื่อมันไปอยู่ใน tense ต่างๆ ทำให้หลายคนเริ่มมองไม่ออกว่าสรุปนี่คือ “โครงสร้าง Passive” รึเปล่านะ?
ไปดูโครงสร้าง Passive-Voice ในแต่ละ tense พร้อมกับ Eng Breaking กันดังต่อไปนี้ มีทั้งประโยคสรุปสั้นๆ และตารางให้เห็นชัดเลยนะคะ
รับรองเข้าใจทั้งง่าย เข้าใจทั้งเร็ว ทั้ง Happy กับการเรียนภาษาอังกฏษด้วยตัวเองนะคะ
1. Present Simple (Passive): is/am/are + V.3
ในนั้นส่วน is/am/are คือหน้าตาของ V. to be ใน Present Simple
2. Present Con. (Passive): is/am/are + being +V.3
ในนั้นส่วน Con. ต้องมี V.ing เพราะฉะนั้นเลยต้องเติม being ลงไปด้วย เพื่อให้โครงสร้าง Present Con. ยังเหมือนเดิมคือ V. to be + V.ing
3. Present Perfect (Passive): has/have been + V.3
ในนั้นส่วน ของเดิม has/have + V.3 เลย เพราะงั้นต้องผัน V. to be ให้เป็น V.3 แทนก็คือ been เพื่อให้โครงสร้างหลักยังเป็น has/have + V.3 เหมือนเดิม แล้วค่อยตามด้วย V.3 ของ Passive
4. Past Simple (Passive): was/were + V.3
ในนั้นส่วน was/were คือหน้าตาของ V. to be ใน Past Simple (คือผัน V. to be ให้เป็นช่อง 2 ตามโครงสร้าง Past Simple ที่เป็น V.2)
5. Past Con. (Passive): was/were + being + V.3
ในนั้นส่วน Con. ต้องมี V.ing เพราะฉะนั้นเลยต้องเติม being ลงไปด้วย และไม่ต้องผันเป็นอดีต เพราะข้างหน้า (was/were) ผันไปแล้ว
6. Past Perfect (Passive): had been + V.3
ในนั้นส่วน ผัน V. to be ให้เป็น V.3 คือ been แล้วค่อยตามด้วย V.3 ของ Passive
7. Future Simple (Passive): will be + V.3
ในนั้นส่วน แค่เพิ่ม be + V.3 ไปตามหลัง will ที่ใช้ be เพราะตามหลัง will ต้องใช้ V.ไม่ผัน (ของ V. to be ก็คือ be)
8. Future Con. (Passive): will be + being + V.3
ในนั้นส่วน Con. ต้องมี V.ing เพราะฉะนั้นเลยต้องเติม being ลงไปด้วย
9. Future Perfect (Passive): will have been + V.3
ในนั้นส่วน ผัน V. to be ให้เป็น V.3 คือ been แล้วค่อยตามด้วย V.3 ของ Passive
คุณก็อาจจะสนใจ:
4 – สรุปเป็นตารางให้จดจำได้ง่ายๆ ตามนี้
โครงสร้าง passive voice ของ Present Tense | |
Sim | S + is am are + V3 |
Con | S + is am are + being + V3 |
Per | S + have has + been + v3 |
Per Con | S + have has + been + being + V3 |
โครงสร้าง passive voice ของ Past Tense | |
Sim | S + was were + v3 |
Con | S + was were + being + V3 |
Per | S + had + been + v3 |
Per Con | S + had + been + being + V3 |
โครงสร้าง passive voice ของ Future Tense | |
Sim | S + will + be + V3 |
Con | S + will + be + being + V3 |
Per | S + will + have + been + v3 |
Per Con | S + will + have + been + being + V3 |
5 – สรุปหลักการผันโครงสร้าง Passive
- ต้อง keep โครงสร้างเดิมไว้ด้วย
- ต่อท้ายเพิ่มโครงสร้าง Passive โดยถ้าต้องผัน จะผันที่ V. to be แทน (V.3 ข้างหลังไม่ต้องแตะค่ะ)
เชื่อว่าหลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นเราไปดูตัวอย่างประโยคทั้ง Active และ Passive Voice กันค่ะ
Passive Voice ต่างจาก Active Voice ยังไง?
ความแตกต่างของ Active กับ Passive Voice ขอแยกเป็นหัวข้อย่อยตามตาราง แยกออกระหว่าง โครงสร้างประโยค จุดเด่นของ V. และ ความหมาย ดังต่อไปนี้
โครงสร้างประโยค | |
Passive Voice | Active Voice |
S + V. to be + V.3 (สำคัญคือต้องมี V. to be + V.3 ที่แสดงความเป็น Passive) | S + V (ประธาน + กริยา) |
จุดเด่นของ V. | |
Passive Voice | Active Voice |
V ผันได้ แต่ต้องอยู่ในโครงสร้าง V. to be + V.3 เสมอ (เพื่อคงความเป็น Passive ไว้) | V ผันตาม tense ได้ปกติ |
ความหมาย | |
Passive Voice | Active Voice |
S + V. to be + V.3 = ประธาน “โดนกระทำ” | S + V = ประธาน “ทำกริยา” |
สรุปง่ายๆ เพื่อจดจำได้นาน เกี่ยวกับเรื่อง Passive Voice ต่างจาก Active Voice ยังไง ตามนี้นะคะ
- PASSIVE VOICE หมายถึง ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ
- ACTIVE VOICE หมายถึง ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำหรือแสดงกริยาโดยตรง
- วิธีจำง่าย Active ทำเอง Passive ถูกท นะคะ จำได้แล้ว ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ
วิธีการเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice
เราสามารถเปลี่ยนประโยคหนึ่งจาก Active Voice เป็น Passive Voice ได้ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้นะคะ
- นำกรรมในประโยค Active เปลี่ยนไปเป็นประธานของประโยค Passive
- ใช้ Verb to be ให้ถูกต้อง คล้อยตามประธาน
- เปลี่ยนคำกริยาแท้ให้เป็น กริยาช่อง 3 (Verb3)
- นำประธานของประโยค Active ไปเป็นกรรมของประโยค Passive โดยวางไว้หลัง by
ตัวอย่าง Active Voice เป็น Passive Voice ที่ใช้ใน Tense ต่างๆ
Present Simple Tense
- Active: John writes a book. แปลว่า John เขียนหนังสือ จากนั้นรู้เลยว่า ประธานคือ John เป็นผู้กระทำ
- Passive: That book is written by John. แต่สำหรับประโยคนี้จะเห็นเลยว่าประธานคือ หนังสือที่ได้เขียนมาโดย John. ดังนั้น หนังสือเป็นสิ่งที่ถูกกระทำ
Past Simple Tense
- Active: John wrote that book last year. แปลว่า John เขียนหนังสือเล่มนั้นเมื่อปีที่แล้ว
- Passive: That book was written by John last year. แปลว่า หนังสือเล่มนั้นเขียนโดยจอห์นเมื่อปีที่แล้ว
Future Simple Tense
- Active: John will write a book next year. แปลว่า จอห์นจะเขียนหนังสือในปีหน้า
- Passive: That book will be written by John next year. แปลว่า หนังสือเล่มนั้นจะเขียนโดยยอห์นในปีหน้า
Present Continuous Tense
- Active: John is writing a book. แปลว่า John กำลังเขียนหนังสือ
- Passive: A book was being written by John. แปลว่า หนังสือเล่มหนึ่งกำลังเขียนโดย John
ตัวอย่างของ Passive Voice ในข้อสอบ Toeic
ตัวอย่างข้อสอบที่มักจะเจอบ่อยๆ ในข้อสอบ Toeic เรื่องของ passive voice พร้อมเฉลย
That novel __________ (write) by a famous artist.
สำหรับข้อที่ 1 นี้เราควรจะใช้คำว่า “was written” ประโยคสมบูรณ์คือ
That novel was written by a famous artist. แปลว่านิยายเรื่องนั้นเขียนโดยศิลปินชื่อดัง
The milk ____________ (deliver) every day.
สำหรับข้อที่ 2 นี้เราควรจะใช้คำว่า “is delivered” ประโยคสมบูรณ์คือ
The milk is delivered every day. แปลว่า น้ำนมได้ส่งมาทุกวัน
His car needs __________ (repair).
สำหรับข้อที่ 3 นี้เราควรจะใช้คำว่า “reparing/to be repaired” ประโยคสมบูรณ์คือ
His car needs reparing/to be repaired. แปลว่า รถของเขาต้องการการซ่อมแซม
ตัวอย่างข้อสอบที่มักจะเจอบ่อยๆ ในข้อสอบ Toeic เรื่องของ passive voice
เปลี่ยนประโยคต่อไปนี้เป็น passive voice แต่ความหมายไม่เปลี่ยน
1. Mr. James teaches them vocabularies. แปลว่า Mr. James สอนคำศัพท์ให้พวกเขา
passive voice: They are taught vocabularies by Mr. James แปลว่า พวกเขาได้รับการสอนคำศัพท์โดย Mr. James
2. You should do your homework. แปลว่า คุณควรทำการบ้าน
passive voice: Your homework should be done. แปลว่า การบ้านของคุณควรทำ
3. This bill includes service. แปลว่า บิลนี้รวมค่าบริการ
passive voice: Service is included by this bill. แปลว่า ค่าบริการรวมอยู่ในใบเรียกเก็บเงินนี้
4. Nobody told him that his parents came back. แปลว่า ไม่มีใครบอกเขาว่าพ่อแม่กลับมา
passive voice: He wasn’t told that his parents came back. แปลว่า เขาไม่ได้บอกให้รู้ว่าพ่อแม่กลับมา
5. They used this fans all day. แปลว่า พวกเขาใช้พัดลมนี้ทั้งวัน
passive voice: This fans were used all day. แปลว่า พัดลมนี้ได้เอามาใช้ไปทั้งวัน
6 – หลักการใช้ passive voice
- passive voice ก็คือ การนำกรรมของประโยค active voice มาเป็นประธานของประโยคนั่นเอง หรือเข้าใจได้ง่ายๆ คือ หลักการใช้ Passive Voice คือ ใช้เน้นผู้ถูกกระทำ ไม่เน้นผู้กระทำนั่นเอง
- บางที่ Passive voice อาจอยู่ในรูปประโยคปฏิเสธ เช่น This coffee isn’t made by Bob. แปลว่า กาแฟแก้วนี้ไม่ได้ถูกชงโดยบ๊อบ หรือคำถามก็ได้ เช่น Is this coffee made by Tom? แปลว่า กาแฟแก้วนี้ถูกชงโดยทอมรึเปล่า?
- นอกจากนั้นแล้ว เราก็สามารถใช้ passive voice ในรูปของ tense อะไรก็ได้ ตามสถานการณ์การใช้ของเรา
ว่าอย่างไรบ้างคะเพื่อนๆ สำหรับเรื่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ Passive Voice
รู้แล้วใช่ไหมคะว่า Passive Voice คืออะไร หลักการใช้งานเป็นอย่างไรโดยตารางที่ช่วยให้จดจำได้ง่ายขึ้น โครงสร้าง ประโยค อธิบายละเอียดสุดๆ จาก Eng Breaking ของเรา
Passive voice นิยมใช้ทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน โดยเฉพาะในภาษาหนังสือพิมพ์จะใช้บ่อยมากเลยอย่าพลาดกับส่วนไวยากรณ์ภาษาอังกฏษที่สำคัญนี้
และอย่าลืมติดตามเพื่อแชร์ประสบหการณ์ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษกันนะคะ ไว้เจอกันในบทความต่อไป อย่าพลาดนะคะ
ดูเพิ่มเติม:
- โครงสร้าง so as to
- คำพูดตรง และ คำพูดอ้อม ต้องใช้ยังไงให้ถูก
- จัดเต็ม ! Reported Speech คืออะไร ใช้อย่างไร พร้อมแบบฝึกหัด
-
Mik Jakkaphat
เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ
-
Soda Sodaaa
เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ
-
RueThaiRut
เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ
-
เจมส์ ธีรพงศ์
มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ
-
Cat Catt
ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ
-
Meawww Jhaa
เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?
-
Naphawan MeeJaiii
นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!
-
GotCha
ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!
-
ป๋อง ฤทธิเดช
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ
-
ดวงใจ มาเต็ม
เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ
-
หนูน้อย หมวกแดง
เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.
Sudarat Manee
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .