ผู้เรียนหลายคนมักจะคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน เป็นสิ่ง ที่ยากมากๆ จะเรียนเองไม่ได้แน่นอน แต่วันนี้เราจะแนะนำถึงคุณวิธีการเรียนสำหรับผู้เรียนเริ่มจากพื้นฐาน รับรองอ่านแล้วทำได้ รอดชัวร์
คุณอาจต้องการที่จะเห็น:
เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลยปัญหาหนักๆ ที่ผู้เรียนหลายคนต้องเจอแน่นอน
ภาษาอังกฤษสำคัญมากในชีวิตของคนเราสมัยนี้ ตั้งแต่การไปตลาด ไปเที่ยวหรือไปเรียน ไปทำงานถ้าเราอยากดำเนินชีวิตได้ง่ายๆ เราก็ต้องพยายามในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพราะเป็นภาษาที่มีคนใช้เกือบทั่วโลก จะทำยังไงถ้าวันหนึ่งเราได้ไปเที่ยวที่ต่างประเทศแต่เราเข้าร้านอาหารฝรั่งแล้วไม่รู้ว่าสั่งของยังไง หรืออยากต่อราคาตอนไปซื้อของก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้คนชายเขาเข้าใจเรา ลำบากมากเวลาพูดไปแต่ไม่มีเข้าใจเรา หรือเราอยากไปเรียนต่อต่างประเทศหรืออยากขึ้นตำแหน่งในการทำงาน แต่หัวหน้าเราเป็นชาวต่างชาติ เราไม่สามารถสื่อสารกับเขา ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของเราได้ แย่มากใช่ไหม ดังนั้นเราต้องลงทุนาสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษให้ดีพอ ผลกลับมาจะดีกว่าที่เราคาดหวังก็ตาม
แต่ปัญหาหนักๆ คือส่วนใหญ่ผู้เรียนตอนที่เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย กลัวคนอื่นหัวเราะ กลัวพูดผิด ไม่กล้าแสดงตัวเอง และข้อมูลที่มีมากกมายมหาสารก็ไม่รู้ควรเริ่มเรียนจากไหนดี เริ่มเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานอย่างไรให้ทั้งประหยัดเวลา และเรียนแล้วรับรองได้ผลเรียนจริง?? อย่ากังวลมากไปเพราะคุณมี EngBreaking.co.th เพื่อนคนหนึ่งที่พร้อมติดตามและแนะนำแนวทางการเรียนที่ดี ช่วยคุณรอดชัวร์มนการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
ก่อนอื่นคุณต้องมีแผนการเรียนของตัวเอง ในนั้นคุณจะตั้งเป้าหมายว่าวันหนึ่งคุณจะใช้เวลาเรียนกี่ชั่วโมงสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ และจะเริ่มต้นจากการเรียนทักษะไหนในสี่ทักษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน คุณต้องเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรมากสุด เรียนเพื่ออะไรเช่นเรียนเพื่อได้คะแนนสอบดีๆ หรือเรียนเพื่อสื่อสารในการทำงาน หรือว่าจะเรียนเพราะยังไม่รู้อะไรเลย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายสูงสุดของคุณเราจะสร้างแผนการเรียนให้ได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
แต่อย่าลืมตั้งเป้าหมายในการเรียนของตัวเองให้ชัดเจนว่าในระยะเวลาเท่าไหร่คุณจะเก่ง และเก่งในทักษะอะไรด้วยเพราะว่าบางที่ผู้เรียนมักจะมองผ่านเรื่องตั้งเวลานี้ทำให้ตอนเรียนไปนานๆ แต่ไม่ได้เห็นผลสักที่เพราะมักจะคิดว่าถ้าวันนี้ไม่เรียนพรุ่งนี้ก็เรียนได้ อันนี้คือความคิดที่ผิดเต็มๆ และจะทำให้เราเรียนแต่ไม่มีความสม่ำเสมอ
แล้วสำหรับผู้เรียนเริ่มต้นกับการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ควร Start กับการเรียนอะไร คำตอบจะมีในบทความเดียวดังนี้ รับรองว่าอ่านแล้วใช้งานได้กับผู้เรียนทุกคน มีผลเรียนแน่นอน
เราจะเรียนตามลำดับ ฟัง พูด อ่าน เขียน จริงแล้วทักสี่ทักษะนี้มีความเกี่ยวข้องกันโดยทักษะการฟังดีก็จะช่วยคุณโต้ตอบพูดได้ดี และเลียนแบบแล้วอ่านออกเสียงได้ดีขึ้น และถ้าคุณขยันอ่านหนังสือเป็นภาษาอังกฤษคุณจะทราบวิธีการตั้งของประโยค์และไวยการณ์ต้องใช้งานอย่างไรให้ถูกต้องในแต่ละกรณีจากนั้นการเขียนงานของคุณจะแม่นยำขึ้น
เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานควรเริ่มจากการฝึกทักษะการฟัง
อย่ากังวลเมื่อตอนแรกๆ เราฟังแต่ไม่เข้าใจ เพราะว่าใครๆ ก็ต้องผ่านจุดนั้นๆ เลยเราต้องใช้เวลาสำหรับการฝึกฟังและเลือกบทฟังตั้งแต่ระดับง่ายจนถึงยากเพื่อให้เราคุ้นหูและสามารถวัดความพัฒนาทักษะการฟังของตัวเองได้ดี ต่อไปเราต้องจะพูดตามที่ละคำถามบทฟัง แล้วฟังบทหนึ่งสักสามครั้ง ครั้งแรกฟังเพื่อคุ้นหู ครั้งสองฟังเพื่อจดศัพท์ใหม่ทำความเข้าใจเนื้อหาของบทฟังและครั้งที่สามเราฟังแล้วพูดตามที่ละคำ ถึงที่ละประโยคสั้นๆ จนถึงประโยคยาวๆ
คุณสามรถเลือกบทฝึกฟังในอินเตอร์เน็ต ฟังหัวข้อที่คุณสนใจ แล้วขยายแหล่งข้อมูลนั้นเป็นการฟังเพลง ฟังราดีโอ ดูจากหนังต่างๆ ชื่อดัง เรียนวันละนิดแต่เรียนอย่างสม่ำสมอสักสามถึงหกเดือนคุณจะเห็นเลยว่าทักษะการฟังของตัวเองก้าวกระโดดจากการเริ่มต้นอีกเยอะมันก็จะเป็นแรงจุงใจช่วยคุณขยันเรียนมากขึ้นทุกๆ วัน
เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานควรเริ่มจากทักษะการพูด
จะยากไหมตอนที่เรายังไม่รู้อะไรแต่เราต้องการฝึกพูด?? ผู้เรียนหลายคนมักจะมีข้อสงสัยนี้เหมือนกัน แต่สำหรับการพูดเราสามารถเรียนแบบได้ตามคนอื่นเมื่อเขาพูด ดังนั้นตอนที่เราฝึกฟังเราก็ควรเลือกบทฟังที่พูดถึงการดำเนินในชีวิตประจำวัน เราจะได้ทั้งศัพท์และการออกเสียงที่ถูกต้องช่วยได้หลายอย่างตอนที่เราฝึกพูด
ผู้เรียนเริ่มต้นกับการเรียนภาษาอังกฤษอย่าอับอาย อย่าคิดว่าเราพูดเก่งเราถึงจะกล้าพูด เพราะว่าใครๆ ตอนเริ่มเรียนภาษาใหม่ๆ ก็ต้องใช้เวลาและผ่านอุปกรณ์แบบนั้น ไม่มีอะไรที่ต้องอับอายถ้าเราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน อยากเปิดความมุมมองไปได้ไกลเราต้องมันใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะพูดและแสดงความคิดเห็นของตัวเอง กล้าพูดคุยสื่อสารกับเพื่อนๆ ที่เก่งภาษา หรือเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ คุณจะเรียนรู้ได้อีกหลายอย่างจากคนที่ใช้ภาษาเป็น เขาก็จะเป็นตัวอย่างที่ดี ที่คุณสามารถเรียนรู้ตาม เพราะว่าคนอื่นทำได้ เราก็สามารถทำได้เช่นกัน
ดูเพิ่ม:
- เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: 10 หัวข้อการสื่อสารขั้นพื้นฐาน
- 17 + หลักสูตรการสื่อสารภาษาอังกฤษ สำหรับคนทำงาน
เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานควรเริ่มจากทักษะการอ่าน
ก่อนอื่นคุณต้องเลือกแหล่งข้อมูลที่ดีเพื่ออ่าน แล้วจัดเวลาอ่านทุกวัน วันละแค่สามสิบนาทีก็ดี แต่ต้องเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ส่วนใหญ่ผู้เรียนจะเลือกเวลาอ่านในตอนเช้าเพราะตอนนั้นเราสดชื่นและตั้งสมาธิได้ดี ตอนเลือกที่เงียบแต่อย่านั่งอ่านที่เตียงหรือนอนอ่าน ต้องนั่งเรียบร้อยบนโต้ะจะไม่ทำให้คุณรู้สึกง่วง และต้องปิดเสียงของมือถือเพื่อจะไม่มีเสียงรบกวนคุณตอนเวลากำลังอ่านด้วย
ก่อนที่จะอ่านเรื่องอะไรก็ตามคุณก็ต้องตั้งคำถามให้ตัวเองว่าตอนอ่านจบแล้วคุณจะได้ข้อมูลอะไร อยากเข้าใจบทความที่จะอ่านเรายิ่งต้องการตั้งคำถามให้ตัวคุณเองเช่น
- บทความนั้นจะพูดถึงเรื่องอะไร
- อะไรเป็นประเด็นหลักๆ ของบทความเหล่านั้น
- มีอะไรที่ทำให้คุณประทับใจที่สุดในบทความนั้นหรือไม่
ตอบได้คำถามเกี่ยวกับ How/ What/ Why/ Where/When จะทำให้ทุกอย่างมีความชัดเจนช่วยคุณเข้าใจเรื่องที่อ่านง่ายๆ ขึ้น วิธีนี้สามารถใช้กับหลายเรื่องในชีวิตประจำวันของเราด้วยช่วยเรามีความตัดสินใจอย่างถูกต้องมากที่สุด
เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานควรเริ่มจากทักษะการเขียน
เหมือนที่พูดดังกล่าวถ้าผู้เรียนขยันอ่านผู้เรียนจะสามารารถเขียนบทความได้ดีขึ้น เพราะการเรียนที่ดีที่สุด ประหยัดเวลาที่สุดคือเรียนเลียนแบบตามคนอื่น ตามสี่งที่เป็นอยู่แล้ว คุณต้องจดจำไวยาการณ์พื้นฐานก่อน แล้วเก็บตกคำศัพท์ใหม่ๆ วันละเรียนสามคำศัพท์ใหม่ เดือนหนึ่งคุณก็จะมีประมาณ 90 คำ สามเดือนจะมี 270 คำศัพท์ใหม่เพื่อใช้งานในหัวข้อที่คุ้นเคยอยู่แล้ว คุณควรเริ่มจากหัวข้อง่ายๆ ก่อนเขียนบทสั้นๆ ก่อนอย่าเร่งรีบเพราะสำหรับการเรียนเป็นสี่งที่เราต้องการใช้เวลาอยู่แล้ว
ตอนที่เราเขียนเราก็ฝึกความพิถีพิถันโดยการอ่านเช็ค หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ในเฟสช่วยอ่านและให้ความคิดเห็น เราจะได้แก้ตาม เรียนรู้จากสี่งที่เราผิดเราจะจดจำได้นาน และไม่เจอความผิดแบบนั้นซ้ำๆ ไปอีก
Eng Breaking ขอแนะนำเกี่ยวกับTenses ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยมากที่สุด ผู้เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน รู้แล้วรอดชั่วร์ ผู้เรียนไม่ควรพลาดดังนี้
– ประโยค Past Simple Tense เชิงบอกเล่า โครงสร้าง : Subject + Verb 2 (ประธาน + กริยาช่องที่ 2 ) ตัวอย่าง
- He walked to school yesterday. ( เขาเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )
- played volleyball last week. ( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )
ในกรณีที่สองคือ ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ จะมีโครงสร้างของประโยค: Subject + did + not + Verb 1 (ประธาน + did + not + กริยาช่องที่ 1 ) ตัวอย่าง
- He did not ( didn’t ) walk to school yesterday. ( เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )
- They did not play volleyball last week. ( เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )
ข้อสังเกต : เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย
ในกรณีที่สามคือ ประโยค Past Simple Tense เชิงคำถามและการตอบโครงสร้าง : Did + Subject + Verb 1 (Did + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ) ตัวอย่าง
- Did he walk to school yesterday ?(เมื่อวานนี้เขาเดินมาโรงเรียนใช่หรือไม่) คำตอบจะมีในสองแบบดังนี้ Yes, he did. (ใช่ เขาเดินมา) หรือ No, he didn’t. (ไม่เขาไม่ได้เดินมา)
– Present Continuous Tense ที่มีรูปประโยค : Subject + Verb to be (is, am, are,) + Verb เติม ing ตัวอย่างเช่น
- I am playing football. (ฉัน กำลังเล่น ฟุตบอล)
- I am not playing football. (ฉันไม่ได้ กำลังเล่น ฟุตบอล)
– Present Perfect Tense ที่มีรูปประโยค : Subject + has/have + Verb ช่อง 3 (Past Participle) ตัวอย่างเช่น
- I have never seen him before. (ฉันไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน)
- Have you ever been abroad ? (คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า)
– Future Simple Tense ที่มีรูปประโยค : Subject + will/be going to + Verb.1
ตัวอย่างเช่น
- She will probably leave next month. หล่อนอาจจะไปเดือนหน
- I will not go to school tomorrow. ฉันจะไม่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้
- Will I go to school tomorrow? ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ใช่ไหม
Yes, you will./ No, you won’t. ใช่ / ไม่ใช่
ดูเพิ่ม:
- รีวิว 7 อันดับแอพเรียนภาษาอังกฤษสุดฮิต ที่คุณไม่ควรพลาด
- 25+ เกมภาษาอังกฤษเรียนปนเล่นอย่างสนุกสนาน ต้องไม่พลาด!
แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลการเรียนสี่ทักษะในภาษาอังกฤษให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
1. เรียนศัพท์ใหม่ได้จากหนังสือ
Basic Vocabulary in Use, Vocabulary for Intermediate Students, Vocabulary for Upper – Intermediate Students…เป็นหนังสือที่เนื้อหาดี ข้อมูลน่าอ่านที่ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะการอ่าน และเก็บตกคำศัพท์ใหม่ได้เป็นอย่างดี
2.เรียนทักษะการพูดเว็บสุดเจ๋งเพื่อการอัพสกิลภาษาอังกฤษ
TED.com เว็บไซต์ดังระดับโลกและจุดเด่นของเว็บนี้ที่ผู้เรียนหลายคนชื่นชอบคือในแต่ละคลิปจะมีซับไตเติ้ลให้ด้วย สำหรับผู้เรียนคนใดที่ฟังไม่ออกบางคำก็สามารถดูซ้ำอีกรอบโดยเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษตามไปด้วย
EngVid.com เป็นเว็บไซต์ที่เหมาะกับผู้เรียนเริ่มจากพื้นและจนถึงระบบสูงสุดเพราะในนั้นจะมีการความยากแบ่งออกเป็น 3 เลเวล คือ Beginner, Intermediate และ Advanced ตอนนี้มีประมาณ 700 กว่าคลิป ปัจจุบันเว็บนี้มีอาจารย์ประจำอยู่ 10 ท่าน และมีหัวข้อน่าสนใจที่เหมาะ รวมถึงแนะนำการทำข้อสอบ IELTS, TOEFL, TOEIC ด้วย ที่น่าเรียนมากๆ
Youtube รับรองว่าดูนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อเพราะหัวข้อที่มีในนั้นเยอะแยะมากมายผู้เรียนสามรถเลือกได้ตั้งแต่บทฟังสำหรับเด็กถึงเรียนเพื่อนติวข้อสอบต่างๆ คุณก็สามารถหาวิธีการเรียนที่ดีจากการแนะนำของผู้เรียนเก่งภาษาในหลายๆ ประเทศในช่อง Youtube นี้เขาได้เรียกชื่อว่า Youtuber จะเป็นอาจารย์ หรือคนใดคนหนึ่งที่มีความสามารถในการใช้คำพูดและมีแนวทางการเรียนที่ยอดเยี่ยม
BangkokPost.com ผู้เรียนคนไทยต้องไม่พลาดกับเว็บนี้ เพราะจะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านข่าวในประเทศไทยค่ะ เราจะได้ทั้งข้อมูลที่อัพเดททุกวันและได้คำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน น่าสนใจมากใช่ไหม อย่าลืม note ข้อมูลดีๆ นี้ไว้นะคะ สักวันคุณก็จะต้องการใช้แน่นอนถ้าคุณอยากเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานและเรียนด้วยตัวเอง
Tip เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจดจำได้นาน
1. ฝึกฟังทุกที่
เรียนใช้หูไม่ใช่ให้ตา อันนี้หมายถึงว่าการฟังสำคัญและเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งถ้าอยากพูดได้ก็ต้องเริ่มจากการฟังคนอื่นพูดก่อน ฟังทุกที่ ทุกเวลาที่คุณว่างๆ เช่นตอนทำการบ้านเราสามารถฟังเพลง ตอนนั่งรถไปโรงเรียนเราก็สามรารถโหลดบทฟังเข้าในโทรศัพท์และเปิดมาฟังได้เช่นกัน
อย่ามองผ่านความสำคัญของหมวดการฟัง เพราะถ้าเราฟังไม่ดี ฟังไม่ออกเราไม่สามารถโต้ตอบกับคนอื่นได้ดีไม่ว่าเราจะมีคลังศัพท์หรือเก่งไวยากรณ์ขนาดไหน ดังนั้นควรเริ่มเรียนจากการฝึกทักษะการฟังก่อน
2. เรียนแล้วประยุกต์ใช้จริง
เพื่อจดจำได้นานเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเมื่อเรียนภาษาใดภาษาหนึ่ง เมื่อเราเรียนศัพท์ใหม่เราต้องตั้งประโยคกับคำนั้นหรือสร้างเป็นบทสนทนาสั้นๆ และเอามาฝึกพูดดู รับรองว่าคุณจะจดจำศัพท์นั้นได้ดีมากๆ การเรียนรู้จะต้องการความขยัน การสร้างสรรค์ในการเรียน และหาแนวทางการเรียนที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดจะช่วยคุณเรียนแล้วจำได้นานและประหยัดเวลาสำหรับการเรียนให้มากขึ้น
3. ใช้ body language
ในการเรียนด้วย ทำไมไม่ลองทำดู ?? วิธีการเรียนนี้จะทำให้ตอนที่คุณคุยกับใครสักคนพูดคำพูดและท่าทางของคุณออกมาแบบธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้เรียนเรียนแล้วรู้สึกสนุกด้วย คุณลองฝึกพูดแล้วใช้ท่าทาง มือ รอยยิ้มของตัวเองและลองดูว่าหลังจากการพูดแบบนั้นบรรยากาศของการพูดคุยดูดีขึ้นหรือไม่นะ รับรองว่าคนที่คุยกับคุณเขาจะรู้สึกว่าคุณเป็นคนเป็นมิติ น่าคุย
4. เรียนศัพท์ใหม่ตามกลุ่ม
ตามประโยค เรียนคำตรงข้ามไปด้วย อย่าเรียนแต่ละคำที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเพราะมันจะทำให้คุณจดจำนานไม่ได้ เล่นเกมคำศัพท์ หรือเชื่อมต่อศัพท์ เลือกศัพท์เพื่อทำให้ประโยคได้สมบูรณ์ก็เป็นวิธีที่ช่วยเรียนแล้วจำได้นานไม่ยาก
5. ถามตอบกับ Mini Story
เรียนผ่านเรื่องนิยายสั้นๆ และตอบคำถามท้ายเรื่องนิยาย หรือคุณตั้งคำถามให้ตัวเองแล้วหาคำตอบ สามารถประยุคใช้วิธีนี้ถ้ามีเพื่อนเรียนด้วย หรือกลุ่มมีสองคนขึ้นไปก็จะยิ่งสนุกกับการเรียน
6. เรียนรู้ตามวิธีเลียนแบบ
สำหรับวิธีนี้มีสองแบบ หนึ่งคือคุณอ่านตาม พูดตามคำพูดมีในบทการฟัง หรือดูจากหนัง สองคือคุณกับเพื่อนก็จะสร้างบทสนทนาและจะช่วยกันฝึกทักษะการสื่อสารอย่างไรให้มั่นใจ และสามารถตั้งประโยคได้ดี
สรุป
หวังว่าคุณจะได้คำตอบที่ดีเกี่ยวกับเรื่องเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานควรเริ่มจากอะไร อย่างไรเมื่อเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่เราทำอะไรก็ตามเราต้องมีความมั่นใจในตัวเราเองและ ต้องขยันทำไปอย่างสม่ำเสมอถึงจะมีผลออกมาดี
ในการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานก็เช่นกัน แน่นอนว่าในช่วงเวลาแรกๆ ที่เริ่มเรียนคุณจะรู้สึกเรียนทำไมยากจัง แต่ถ้าคุณมีความหวัง ความมั่นใจในตัวคุณเองกับมีแนวทางการเรียนที่ดีรับรองว่าคุณก็จะทำได้ คุณสามารถถามตัวคุณเองว่า ทำไมสี่งที่คนอื่นทำได้คุณจะทำไม่ได้ จุดอ่อนของเราคืออะไรเพื่อแก้ไขและปรับปรุงให้ตัวเราดีขึ้นทุกวัน เพราะชีวิตประไม่มีการหยุดนิ่งสังคมและการเรียนรู้ก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่พยายามเราจะเดินช้าตลอดไป ดังนั้นอย่าหยุดคาดหวังในตัวคุณเองนะคะ เราเชื่อว่าคุณทำได้ พูดกับตัวเองทุกวันเพื่อให้ตัวเองแรงบันดาลใจในการเรียนประโยคนี้นะคะ “You can do it, I can do it!!!”
ไม่พลาดกับบทความนี้:
-
Mik Jakkaphat
เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ
-
Soda Sodaaa
เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ
-
RueThaiRut
เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ
-
เจมส์ ธีรพงศ์
มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ
-
Cat Catt
ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ
-
Meawww Jhaa
เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?
-
Naphawan MeeJaiii
นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!
-
GotCha
ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!
-
ป๋อง ฤทธิเดช
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ
-
ดวงใจ มาเต็ม
เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ
-
หนูน้อย หมวกแดง
เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.
Sudarat Manee
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .