เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ – การเรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจสิ่งที่สนใจอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพร่ำเพรื่อหาความรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องมากมาย
ในบทความนี้ เราจะนำเสนอ 10 สถานการณ์ที่พบบ่อยที่สุดในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามหัวข้อการสื่อสารขั้นพื้นฐานกับ Eng Breaking นะคะ
1 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ขอบคุณ – ขอโทษ
สไลด์สัมภาษณ์
A: What’s the matter, Mark? You look down (มีอะไรเหรอมาร์ค? คุณมองลงมา)
B: I failed in an interview for a job (ผมสอบสัมภาษณ์งานไม่ผ่าน)
A: There are always two sides to everything. You can take it as an experience (ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ คุณสามารถถือเป็นประสบการณ์ก็ได้)
B: Thank you for cheering me up. I feel better now (ขอบคุณที่ให้กำลังใจผมนะครับ ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วครับ)
เสนอตัวเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
A: Would you like me to call taxi for you (คุณอยากให้ฉันเรียกแท็กซี่ให้มั้ยคะ)
B: Oh, thank you (โอ้ ขอบคุณนะครับ)
A: Is everything ready for you? Is there anything else I can help you? (โอเคแล้วใช้ไหมคะ มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหมคะ)
B: No, thanks. I think I can manage it (ไม่มีแล้วครับ ผมจัดการเองได้ครับ)
A: Well, if you need any more help, just let me know (ถ้ายังมีอะไรอยากให้ฉันช่วย บอกฉันได้นะคะ)
B: Thank you very much (ขอบคุณมากครับ)
ขอโทษที่ไปงานเลี้ยงช้า
A: I’m sorry for being late (ขอโทษที่มาสายนะ)
B: Why are you late? (ทำไมถึงช้าจังอ่ะ)
A: Because of the traffic jam, I can’t go so fast. I was very anxious, but I should observe the traffic rules (เพราะรถติด ไปเร็วไม่ได้อ่ะแก ก็กังวลมากแต่ควรปฏิบัติตามกฎจราจร)
B: You’re right. I’m glad because you finally come (ใช่ แต่ดีใจนะที่แกมา)
A: I’m really sorry (ขอโทษนะ)
B: Don’t mention it. Let’s come in. Everyone is waiting for us to start the party (อย่าพูดถึงมัน เข้ามากันเถอะ ทุกคนกำลังรอให้เราเริ่มปาร์ตี้.)
ดูเพิ่ม:
- เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ทำอย่างไรเพื่อได้ผลดีในระยะเวลาสั้น
- 17 + หลักสูตรการสื่อสารภาษาอังกฤษ สำหรับคนทำงาน
2 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ที่ธนาคาร
คำแนะนำเกี่ยวกับการออมระยะ
A: Good morning, madam. What can I do for you? (สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณผู้หญิง ฉันจะทำอะไรให้คุณได้บ้างไหมคะ)
B: I want to deposit one hundred million in your bank (ฉันอยากฝากเงินหนึ่งร้อยล้านในธนาคารของคุณ)
A: What kind of account do you want, current account or fixed account? (คุณต้องการบัญชีประเภทไหน กระแสรายวัน หรือ บัญชีประจำคะ)
B: I’m not sure. Please tell me the interest rates, will you? (ฉันไม่แน่ใจค่ะ กรุณาบอกฉันอัตราดอกเบี้ยได้ไหทคะ?)
A: No problem. For a current account, the rate is 1% for one year. But for a fixed account, it’s 1.6% per year at present (ไม่มีปัญหาค่ะ สำหรับบัญชีกระแสรายวัน อัตราคือ 1% เป็นเวลาหนึ่งปี แต่สำหรับบัญชีประจำก็ 1.6% ต่อปี ณ ปัจจุบัน 1.6% ค่ะ)
B: Oh, they’re quite different. I’d like to have a fixed account (โอ้ พวกเขาแตกต่างกันมากทีเดียว ฉันต้องการบัญชีแบบคงที่)
A: Here’s your bankbook. The interest is added to your account every year (นี่คือสมุดบัญชีธนาคารของคุณค่ะ ดอกเบี้ยจะเพิ่มเข้าในบัญชีของคุณทุกปีค่ะ)
B: Thanks for your help (ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะคะ)
A: It’s my pleasure (ค่ะ)
ข้อแนะนำในการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
A: Good afternoon, sir. What can I do for you? (สวัสดีตอนบ่ายครับท่าน ผมทำอะไรให้ท่านได้บ้างครับ)
B: Good afternoon. I’d like to open an account (สวัสดีตอนบ่าย ฉันอยากเปิดบัญชีค่ะ)
A: Yes, sir. What kind of account, a savings account or a checking account? (ครับท่าน บัญชีประเภทไหนครับ บัญชีออมทรัพย์ หรือ บัญชีกระแสรายวันครับ?)
B: A savings account, please. What interest rates do you pay on savings account? (ขอบัญชีออมทรัพย์ครับ ท่านจ่ายอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ในบัญชีออมทรัพย์ครับ?)
A: We pay two and a half percent per annual (ธนาคารของเราเสนออัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปีครับ)
B: That’s not too bad. So I want to deposit 1,000 dollars in a savings account (ไม่เลวเลยเนอะ ผมอยากฝาก 1,000 เหรียญในบัญชีออมทรัพย์ครับ)
A: Very well, sir. Will you please fill out the deposit slip first? (โคเคครับ โปรดกรอกแบบฟอร์มการฝากเงินก่อนนะครับ)
B: Certainly. Here you are (โอเค ผมกรอกเสร็จแล้วครับ)
A: And your money, sir (และเงินฝากของท่านนะครับ)
B: Ok. It’s very kind of you. (ครับ ขอบคุณมากครับ)
A: Here is your bankbook (นี่คือสมุดบัญชีธนาคารครับ)
B: Thanks a lot (ครับ ขอบคุณนะครับ)
A: You are welcome (Không có gì, thưa ông)
3 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ที่โรงภาพยนตร์
สอบถามราคา+ซื้อตั๋วหนัง
A: What is the most interesting movie now? (หนังเรื่องไหนที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้คะ)
B: “ Grown ups” – a good choice for fun (“ผู้ใหญ่” – ทางเลือกที่ดีสำหรับความสนุกสนานค่ะ)
A: How much is the ticket? (เท่าไรคะ?)
B: 45 baht per seat (45 baht/ 1 ต่ว)
A: That’s alright. Five tickets, please (โอเค ขายให้ฉัน 5 ใบนะคะ)
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์
A: I didn’t really like the movie! Did you like it? (เราไม่ด่อยชอบหนังเรื่องนี้อ่ะ เธอชอบไหม?)
B: I tried to undertand it, but I could not (ก็พยายามที่จะเข้าใจมัน แต่ไม่ได้ว่ะ)
A: Yes, they used many slang words (ใช่ พวกเขาใช้คำสแลงหลายคำมากเลยอ่ะ)
B: The actor’s achievements were really great. But his accent was terrible (ความสำเร็จของนักแสดงนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่สำเนียงของเขาแย่จัง)
A: You are right (ใช่)
4 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ที่ร้านถ่ายภาพ
โพสท่าขณะถ่ายภาพ
A: Say “ Konica”! (พูด “Konica”!)
B: Konica! (“Konica”!)
A: I think you blinked. This time, don’t move and say “ Konica” (ดูเหมือนคุณจะกระพริบตาแล้วครับ คราวนี้อย่าขยับและอย่าลืมพูดว่า “Konica”)
B: Ok, but this is the last picture. My mouth is staring to hurt from smiling so much! (ก็ได้ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หัวเราะจนเจ็บปากเลย)
A: Just one more, ok? I’m going to use the close-up lens for a close-up of you standing in fornt of the statue (อีกอันเดียว โอเคไหมครับ? ผมจะใช้เลนส์โคลสอัพถ่ายระยะใกล้ของคุณที่ยืนอยู่ด้านหน้ารูปปั้นนั้น)
B: Finw. Finished? (โอเค เสร็จยังคะ??)
A: Ok. The photos will be really well taken (อเค ภาพจะออกมาดีจริงๆ)
การล้างม้วนฟิล์ม
A: Please develop this film for me (โปรดพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ฉันด้วยค่ะ)
B: I’ll do it (ได้ครับ)
A: When do you think it will be ready? (เมื่อไหร่จะเสร็จคะ)
B: You may come to collect your photos tomorrow evening. Here is your receipt (พรุ่งนี้มารับได้เลย นี่คือบันทึกของคุณ)
A: Ok (โอเค)
5 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ความวิตกกังวล – ความเบื่อหน่าย
เบื่อกับการสอบตกภาษาอังกฤษ
A: Ice, why don’t you go to the movie with your brother? (ไอซ์ ไม่ไปดูหนังกับพี่เหรอ)
B: I’m not in the mood. (นูไม่มีอารมณ์แล้ว)
A: What’s the matter? (มีอะไรเหรอ?)
B: I failed the English exam again. I want to give it up. (สอบตกภาษาอังกฤษอีกแล้ว อยากเลิกวิชานี้)
A: Don’t lose heart. Try again! (อย่าท้อแท้ พยายามให้มากขึ้น!)
B: I’m afraid I can’t catch up with my classmates. (หนูกลัวว่าเรียนไม่ทันเพื่อนร่วมชั้นอ่ะแม่
A: Come on! I know you can make it (สู้ๆ! แม่รู้ว่าหนูทำได้)
เลิกกับแฟน
A: You look blue today. Is there anything that matters? (ดูเศร้าจัง เป็นอะไรไป?)
B: Ming and I broke up. My heart is broken. (หมิงกับผมเลิกกันแล้ว อกหัก.
A: Take it easy. (ใจเย็นๆ)
B: I’m afraid I can’t. (ผมกลัวว่าผมทำไม่ได้)
A: Let’s think that she’s not yours. (แค่คิดว่าเขาไม่เหมาะกับแกอ่ะ)
B: But I love her so much. (แต่ผมรักเขามาก)
A: Don’t be so bad. You’ll be OK. Let bygones be bygones. (อย่าเสียใจนะ จะไม่เป็นไรหรอก ปล่อยอดีตให้ลืมเลือนไป)
ดูเพิ่ม:
- รีวิว 7 อันดับแอพเรียนภาษาอังกฤษสุดฮิต ที่คุณไม่ควรพลาด
- 25+ เกมภาษาอังกฤษเรียนปนเล่นอย่างสนุกสนาน ต้องไม่พลาด!
6 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: แบ่งปัน – ความเห็นอกเห็นใจ
กระตุ้นให้พยายามทำงานที่ดี
A: You look tired and worried. What’s wrong with you, Tien? (ณดูเหนื่อยและกังวล พี่มิ้นท์เป็นไรป่าว)
B: My new job is so hard. I often make mistakes. (งานใหม่ของผมยากมาก มักจะทำผิดพลาดเยอะ)
A: Don’t worry about it. You’re an able man. Do your best , and you’ll get it (อย่ากังวลไปเลย คุณเป็นคนที่มีความสามารถ ทำให้ดีที่สุด แล้วคุณจะได้มันมา)
B: Are you sure? (แน่ใจนะ?)
A: Of course. I believe you can (แน่นอน ฉันเชื่อว่าคุณทำได้)
B: Many thanks (ขอบคุณมาก)
แบ่งปันเมื่อคุณมีข่าวร้าย
A: Is there anything wrong? You look ill (มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? คุณดูป่วยนะ)
B: One of my friends passed away last night (เพื่อนของผมเสียชีวิตเมื่อคืน)
A: Oh, I’m so sorry to hear that (โอ้ เสียใจด้วยนะครับ)
B: You knows, she’s my best friend (คุณรู้ไหม เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน)
A: Anyway, life goes on (ยังไงเราก็ต้องอยู่ให้ได้นะครับ)
7- เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ที่ร้านขายยา
ซื้อยาโดยคำแนะนำของพนักงานขาย
A: Good afternoon (สวัสดีตอนบ่าย)
B: Good afternoon. Can I help you? (สวัสดีคะ มีอะไรให้ช่วยไหมไหมครับ)
A: Yes, I’ve got a terrible toothache (ฉันปวดฟันค่ะ)
B: How long have you had it? (เจ็บมานานแค่ไหนแล้วครับ?)
A: Only about 2, or 3 hours (ประมาณ 2, 3 ชั่วโมงแล้ว)
B: Well, try these tablets. Take 2 every 3 hours (ลองแท็บเล็ตเหล่านี้ดูนะครับ ใช้เวลา 2 ทุก 3 ชั่วโมง)
A: Thank you very much. Bye (ขอบคุณมากค่ะ)
B: Get better soon. Bye (ขอให้คุณสบายดีนะครับ)
ซื้อยาแก้ปวดหลัง
A: I have a pain in my back and I need something to kill this pain (ฉันปวดหลังค่ะ มีอะไรมาบรรเทาความเจ็บปวดนี้ไหมคะ)
B: OK. Do you have a prescription, miss? (มีครับ คุณมีใบสั่งยาไหมครับ)
A: What? No, I don’t (ใบสั่งยา? ฉันไม่มี)
B: Well, I can only give you this kind of regular tablets, then. It’s an effective product. งั้นเอายาที่ใช้ประจำให้ละกัน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพนะครับ)
A: I don’t care, as long as it works (ไม่สนค่ะ มีผลได้แล้วค่ะ)
B: Do you want me to wrap it up for you? (ห่อมันไหมครับ?)
A: That’s not necessary; just tell me how I should take them (ไม่ต้องค่ะ บอกวิธีการใช้ก็ได้แล้วค่ะ)
B: Sure. Two tablets, three times a day (ครับ แบ่งทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2 เม็ดนะครับ)
8 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: การเผชิญหน้าแบบสุ่ม
สอบถามหลังย้ายบ้าน
A: Long time no see. (นานแล้วไม่ได้เจอกันเนอะ)
B: I’m glad to see you again. (ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง)
A: So am I. (เหมือนกัน)
B: How have you been? (เป็นไงบาง?)
A: I have been all right. (ฉันสบายดี)
A: Where have you been? (ไปที่ไหนมานิ?)
B: I have been to Khon Kaen. (ฉันไปขอนแก่นมา)
ถามหลังจากไม่ได้เจอกันนาน
A: Hello, Li, I haven’t seen you for a long time. How are you? (ฮัลโล ลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย เป็นไงบาง)
B: Fine, thanks. What about you? (สบายดี ขอบคุณนะ แล้วคุณล่ะ?)
A: Very well. You look thinner than the last time I met you. (ดีมาก ช่วงนี้ดูผอมกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอนะ)
B: You’re right. But it makes me feel good. (ใช่ แต่มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาก)
A: Good to hear that. Keep well, Li. (ดีใจด้วยนะ รักษาตัวให้ดีนะคะลี่)
B: Same to you. (เช่นกันนะ)
9 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: Joy – Happiness
ข่าวดีเกี่ยวกับการสอบ
A: I can’t wait to talk to Mint. (เราแทบรอไม่ได้ที่จะได้มาบอกกับมินต์)
B: Why? (ทำไมอะ)
A: He said he has some good news for me about the final exam. (ขาบอกว่ามีข่าวดีสำหรับฉันเกี่ยวกับการสอบปลายภาค)
B: Oh, that’s great. (งั้นก็ดีมาก)
อยากเจอใครสักคน
A: Have you met Min for ages? (เจอกับมินนานหรือยัง)
B: No. I haven’t. I heard she’s moved to Chonburi. (ไม่อะ เราได้ยินเขาบอกว่ามินยายไปชลบุรีแล้ว)
A: Really? It’ll be nice to see Min again. (จริงเหรอ? คงจะดีถ้าได้เจอมินอีกครั้งล่ะ)
B: It sure will. (แน่นอน)
10 – เรียนภาษาอังกฤษตามหัวข้อ: ไปร้านอาหาร
กรณีที่ไม่ได้จองโต๊ะ
A: Waiter! Is the table free? (บริกรค่ะ! โต๊ะนี้ยังไม่ได้จองใช่มั้ยคะ?)
B: Yes, please. How many people are there to sit here? (ใช่ครับ ไปกี่คนครับ?)
A: Four people (4 คนคะ)
B: Please take your seats. Did you order? (เชิญนั่งเลยครับ ทางเราอยากสั่งอะไรไหมครับ)
A: Can we have a look at the menu, please? (ขอดูเมนูหน่อยได้มั้ยคะ?)
B: Here you are, sir (นี่ครับ)
A: Thanks (ขอบคุณค่ะ)
กรณีได้จองโต๊ะแล้ว
A: I have a reservation for two this evening. I’m Lee (ผมจองโต๊ะสำหรับ 2 คืนนี้ครับ ผมชื่อลี)
B: Please follow me, Mr Lee (ใช่ครับ โปรดตามผมนะครับ คุณลี)
A: Umm, is this a non- smoking area? (ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ใช่ไหมครับ?)
B: Yes, it is. Would you like to wait for the other guest, or would you like to order now? (ใช่ครับ คุณอยากรอให้แขกคนอื่นมาถึงหรือสั่งอาหารตอนนี้ครับ?)
A: I’ll wait for a while (รอสักครู่ครับ)
A: Anything to drink first? Cocktail or juice? (คุณอยากดื่มอะไรก่อน ค็อกเทลหรือน้ำผลไม้ครับ?)
A: Give me a glass of orange juice, please (ขอน้ำส้มหนึ่งแก้วครับ)
A: Yeah. And this is menu (ครับ และนี่คือเมนูครับ)
B: Thank you (ขอบคุณครับ)
11 – สรุป
ข้างต้นคือบทสรุปของ 10 หัวข้อ/สถานการณ์การสื่อสารภาษาอังกฤษพื้นฐานและทั่วไปในชีวิตประจำวันที่คุณจะต้องเจออย่างแน่นอน
Eng Breaking แนะนำให้คุณใช้เทคนิคการพูดเมื่อเรียนรู้สถานการณ์การสื่อสารเหล่านี้เพื่อฝึกการออกเสียงและปฏิกิริยาตอบสนอง ช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้นนะคะ
คุณก็อาจจะสนใจ:
-
Mik Jakkaphat
เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ
-
Soda Sodaaa
เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ
-
RueThaiRut
เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ
-
เจมส์ ธีรพงศ์
มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ
-
Cat Catt
ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ
-
Meawww Jhaa
เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?
-
Naphawan MeeJaiii
นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!
-
GotCha
ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!
-
ป๋อง ฤทธิเดช
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ
-
ดวงใจ มาเต็ม
เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ
-
หนูน้อย หมวกแดง
เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.
Sudarat Manee
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .