รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ในการเตรียมสอบ TOEIC อัปเดตปี 2566

รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ในการเตรียมสอบ TOEIC

สอบ TOEIC ยากไหม? จะต้องเตรียมตัวอะไรอย่างไรให้ได้คะแนนสูง? มันคงเป็นคำถามที่ใครกำลังจะสอบ Toeic สงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะ

ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วอีกต่อไป เพราะวันนี้ Eng Breaking จะมาเผยทั้งหมดทุกเรื่อง เพื่อช่วยให้คุณเตรียมสอบ Toeic อย่างได้ผลประสิทธิภาพ ต้องไม่พลาดกับบทความนี้เลยค่ะ เพื่อน ๆ ทุกคน

1 – เตรียมความรู้เกี่ยวกับข้อสอบ TOEIC และโครงสร้างของการสอบ TOEIC

TOEIC (หรืออ่านว่า โตอิค) เป็นคำย่อย่อมาจาก Test of English for International Communication คือข้อสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการทำงาน

โดยการทดสอบจะเน้นการฟังและการอ่านเป็นหลัก คือมีข้อสอบปรนัย แบ่งเป็น การฟัง 100 ข้อ 495 คะแนน และ การอ่าน 100 ข้อ 495 คะแนน รวมจำนวนข้อสอบทั้งสิ้น 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน

แต่ปัจจุบันนี้แบ่งเป็น TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) และ TOEIC Speaking and Writing Tests (การพูดและการฟัง)

ซึ่ง TOEIC ใช้สำหรับยื่นร่วมกับใบสมัครงานในงานการบิน งานโรงแรม งานท่องเที่ยว งานขนส่ง งานการเงิน ปิโตรเคมี ยานยนต์ โรงพยาบาล รวมทั้งบริษัทข้ามชาติ รวมไปถึงบริษัทเอกชนอื่น ๆ

การสอบ TOEIC คืออะไร
การสอบ TOEIC คืออะไร

การสอบ TOEIC จะเน้นที่ทักษะการฟัง (listening) และการอ่าน (reading) เป็นหลัก แบ่งเป็น 7 Part ค่ะ

ข้อสอบ TOEIC Part Listening

Part 1: เป็นรูปภาพ จำนวน 10 ข้อ ฟังตัวเลือกจากเทป และเลือกคำตอบที่อธิบายรูปภาพได้ตรงที่สุด

Part 2: ประโยคสนทนาถาม-ตอบ ต้องฟังทั้งคำถามและคำตอบจากเทป จากนั้นเลือกคำตอบที่สอดคล้องกับคำถามที่สุด

Part 3: เป็น Passage สั้นค่ะ ให้ตอบคำถาม Passage ละ 3 ข้อมีประมาณ 10 Passage

Part 4: เป็น Passage ที่มีความยาวมากกว่า จะเป็นพวกการประกาศ จังหวะนี้ควรอ่านคำถามก่อน และจดข้อมูลให้มากที่สุด

ข้อสอบ TOEIC Part Reading

Part 5: เติมคำในช่องว่าง จะเน้นหนักไปทาง Grammar และคำศัพท์ค่ะ ไม่ยากมากถ้าเราทำความเข้าใจกับ part of speech ได้ดี

Part 6: เติมคำในช่องว่าง แต่จะเป็นพวก E-mail ที่เขียนมายาวๆแล้วให้เราเติมค่ะ ยังคงเน้น Grammar และคำศัพท์

Part 7: เป็นบทความ สั้น-ยาว ต่างกันไป แต่จะเรียงลำดับความยากง่ายให้ น่าจะเป็น part ที่ใช้เวลามากที่สุดนะคะ

2 – ต้องเตรียมตัวอะไรบ้างเมื่ออยากเรียน TOEIC ด้วยตัวเองที่บ้าน

เครื่องมือ

ในส่วนการฟัง แนะนำว่าคุณต้องใช้ลำโพงในการฝึกฟัง ไม่ใช่ฟังด้วยหูฟัง เนื่องจากในการทดสอบ TOEIC ของส่วนการฟัง คุณจะต้องทำข้อสอบด้วยลำโพง

เลยเวลาที่เราฝึกทำข้อสอบควรใช้ลำโพงเลยเพื่อจะได้คุ้นหู และชินกับคุณภาพของส่วนการฟังในข้อสอบ 

เพื่อน ๆ ทุกคนสามารถฝึกทักษะการฟังในหลายระดับเพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอง

เมื่อเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตนเอง คุณสามารถปรับความเร็วของบทฟังให้เหมาะสมกับความสามารถของตัวเอง

คุณสามารถฟังในระดับความเร็วที่เร็วกว่าปกติเพื่อเพิ่มความท้าทาย เมื่อคุณชินไปแล้วคุณจะเห็นว่าความเร็วของบทฟังเวลาที่คุณสอบจริงจะ “กล้วย ๆ” กว่าตั้งเยอะเลยค่ะ

The answer sheet
Eng Breaking แนะนำให้ใช้ Answer Sheet เวลาฝึกฝนและลองทำข้อสอบ TOEIC

สำหรับการเตรียมแุปกรณ์เพื่อฝึกทักษะการอ่าน คุณควรหาแบบกระดาษที่เหมือนการทำข้อสอบ (Answer Sheet TOEIC) เพื่อฝึกทำข้อสอบเหมือนทำข้อสอบจริง

นี่เป็นทักษะที่จำเป็นต้องการมาก ๆ เพราะมีเพื่อนๆ หลายคนแค่ฝึกทักษะการอ่านและการฟังอย่างเดียว

แต่ไม่ลองทำกับ Answer Sheet เลยเวลาทำข้อสอบจริงอาจจะไม่คุ้นเคย และทันยังไม่เสร็จข้อนี้ ก็เปลี่ยนเป็นข้ออื่นไปแล้ว 

3 – ต้องฝึกฝนและเตรียมตัวยังไงให้ได้คะแนนสอบ TOEIC สูง

ฝึกทักษะการฟังข้อสอบ TOEIC

ฝึกฟัง TOEIC part Listening หลายคนมองว่ายากมาก หลายคนก็ผ่านไปได้แบบสบายๆ บอกเลยว่า Part Listening เป็นอะไรที่ถ้าผ่านไปแล้ว ก็กลับมาเดาอีกไม่ได้อีกต่อไปเลย

เพราะกรรมการคุมสอบจะเปิดตามกำหนดเท่านั้น ดังนั้นหากไม่ได้ ฝึกฟัง TOEIC part Listening มาละก็ ก็อาจจะทำให้คะแนนหายไปเยอะเลยทีเดียว

วันนี้สำหรับเทคนิคการฝึกฟัง TOEIC ส่วน Listening ทาง Eng Breaking มีมาให้ 3 ข้อ ดังนี้นะคะ

เข้าใจสำเนียง ในการสอบ TOEIC part Listening

เพราะสำเนียงที่ใช้ในการสอบ นั่นส่วนมากจะฟังได้เข้าใจ และร้อยละ 60% จะเป็นสำเนียง American English หรือสำเนียงภาษาอังกฤษ แบบอเมริกัน

ทำให้หลายคนที่ฝึกการฟังเพื่อใช้ในการสอบ TOEIC part Listening อาจใช้หนังฮอลลีวูด หรือซีรี่ย์ฝั่งอเมริกา ช่วยได้ เน้นภาพยนตร์ หรือซีรี่ย์ที่เน้นพูดในที่ทำงาน เนื่องจากแบบทดสอบจะเน้นภาษาอังกฤษที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และการทำงานเป็นหลักเลยค่ะ

ตัวอย่างหนังที่แนะนำในการฝึกฟังข้อสอบ TOEIC เป็นหนังเรื่อง The Intern (2015) ซึ่งเป็นหนังที่พูดคุยเกี่ยวกับการทำงาน ตัวเลข การประชุม การบอกทาง การสนทนา ต่างๆ ที่คิดว่าครอบคลุมพอสมควร

พร้อมทั้งมีทั้งเสียงคนมีอายุ คนหนุ่มสาว และเด็กให้ได้ฝึกฟังกันอย่างชัดเจนที่สุด แต่พูดเร็วมากๆ อาจจะต้องเปิดซับไตเติลในภาษาอังกฤษร่วมไปด้วย

สำหรับอีก 40% ที่เหลือ จากการวิเคราะห์และเท่าที่ได้รับการอัพเดทมา มีการใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ และสำเนียงออสเตรเลีย แล้ว ทำให้เราต้องแบ่งการฟังให้ชัดเจนมากขึ้น

ในเทคนิคของ EngฺBreaking เราแนะนำให้ฟังในรูปแบบ อเมริกันให้พอคุ้นหูก่อน แล้วจึงค่อยมาทางฝั่งอังกฤษ และออสเตรเลีย เนื่องจากสำเนียงในฝั่งที่ว่ามานั้น จะฟังยากกว่า

หากเริ่มฝึกจากความยากในทันที อาจจะทำให้สูญเสียกำลังใจได้ค่ะ 

การจับใจความ

ฝึกฟัง TOEIC part Listening ชื่อมันก็บอกแล้วว่า เป็นการฟัง การฟังที่ดีควรจะเป็นการฟังที่เข้าใจในแก่นสารของการสื่อสาร ซึ่งปกติมักจะมีการเน้นเสียงให้เราเข้าใจจุดประสงค์ของการพูดอยู่แล้ว แต่เทคนิคของ EngBreaking คือ

เข้าใจรูปประโยคคำถาม เพราะส่วนใหญ่ใน TOEIC part Listening มักจะเป็นคำถาม ของคู่สนทนา ถ้าเข้าใจในรูปประโยคคำถาม ก็จะทำให้เข้าใจได้มากขึ้น

ฝึกเอาไว้พวกรูปประโยค WH- Questions เช่น What, Where, Who, How, When, Which ,…. For Whom เป็นต้น

หรือจะเป็นการใช้ Yes/No Question ซึ่งจะมี Do, Does, Is, Are, Was ,… ขึ้นต้นประโยค ก็เป็นในรูปของประโยคคำถามเช่นกัน

เหนือสิ่งอื่นใด การลงท้ายของประโยคคำถามมักเป็นเสียงสูง ถ้าเราแยกแยะออก ก็ช่วยชีวิตไปได้เยอะมากเลย

ว่าคู่สนทนานี้กำลังถามกันและกันยังไง รู้จักสถานการณ์ได้อย่างไร เพราะเราได้ยินแต่เสียงโดยไม่ได้เห็นภาพ

พอเราเริ่มฝึกฟังไปได้สักช่วงเวลาหนึ่ง เราควรจะมีการจินตนาการในหัวเลยว่า ตอนนี้คู่สนทนาอยู่ในพื้นที่แบบไหน กลางถนน ในร้านอาหาร ในสถานที่ทำงาน หรือ ที่ต่าง ๆ ซึ่งมันจะช่วยให้เราได้เข้าใจบริบทให้มากขึ้น

อีกอย่างหนึ่งคือเราต้องลองเดาเหตุการณ์ได้ การฟังที่ดีนอกจากจะเข้าใจคำพูด และสารที่ต้องการสื่อออกมาแล้วนั้น เราก็ควรคาดเดาเหตุการณ์ได้เก่งด้วยเช่นกัน

อย่างเช่น หลังจากฟังแล้ว ลองคิดในใจดูว่าผู้พูดกำลังจะพูดอะไรต่อในสมองแล้วออกไปก่อนการรับรู้ข้อมูลจริง มักจะทำให้เกิดความมั่นใจ และไม่ประหม่าได้

ฝึกฝนบ่อย ๆ 

เคยได้ยินไหม คำว่า “Practice makes perfect” หมายถึงถ้าเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ สักวันก็จะเก่งเอง เพราะการฝึกฟัง คือการฝึก ที่ต้องการชั่วโมงบินสูงมาก

ในการทำความเข้าใจ ถ้าหากได้ลองฝึกในหลายๆ ครั้ง จะทราบดีว่า เหตุการณ์ที่ข้อสอบยกมามักจะเป็นเหตุการณ์เดิมๆ แต่เปลี่ยนบริบทออกไป ทำให้เรามีความชำนาญในการคาดเดา และเข้าใจได้เร็วมากขึ้น

สำหรับการฝึกฟังข้อสอบ TOEIC ลองดูแหล่งวิดีโอหรือเว็บไซต์ดังต่อไปนี้นะคะ

1. News in Easy English 

✅ ข่าวภาษาอังกฤษแบบย่อยมาแล้ว เก๋คือมีให้เลือกฟังทั้งแบบช้าๆ ชัดๆ หรือถ้าอยากวัดใจ ก็ฟังเวอร์ชั่นเร็วแบบเจ้าของภาษาได้เลย

2. Business English 

✅ ฝึกศัพท์ บทสนทนาเกี่ยวกับธุรกิจ การทำงาน

3. Business English Vocab

✅ศัพท์เน้นๆ หมวดธุรกิจ การค้า การตลาด และอื่นๆ อธิบาย ยกตัวอย่างเป็นภาษาอังกฤษ (ได้ชินสำเนียงแน่นอน)

4. BBC: 6-minute English 

✅ ฝึกฟังสำเนียงผู้ดีอังกฤษ เรื่องออกแนวเบาๆ ความรู้รอบตัว (ความยาวแต่ละคลิปประมาณ 6 นาที ฟังเพลินๆ ไม่เหนื่อยเกินไป)

5. All Ears English

✅ อันนี้ฟังสำเนียง American จ๋าๆ บ้าง ฟังง่าย อารมณ์เหมือนทอล์คโชว์ มีทั้งความรู้ภาษาอังกฤษ แกรมม่า การใช้ภาษาแบบคนอเมริกัน วัฒนธรรมต่างๆ

เตรียมตัวสอบ TOEIC Reading

เพื่อนๆ ที่ต้องการเพิ่มคะแนน TOEIC Reading แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะต้องฝึกฝนอย่างไร อ่านต่อบทความนี้นะคะ

TOEIC goal 990
หากพยายามตั้งใจ การพิชิต TOEIC 990 คงไม่ใช่เรื่องยาก

ขั้นตอนที่ 1

สำรวจ weakness หรือจุดอ่อนตัวเองว่า ในทั้ง 3 parts ว่าทำ part ไหนเร็วสุด part ไหนช้าสุด และอุปสรรคคืออะไร เรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องไวยากรณ์หรือโครงสร้างทาง grammar เป็นเรื่องอะไร

ขั้นตอนที่ 2

แก้ weakness ที่ตัวเองมี ศึกษาหลักการใช้โครงสร้างไวยากรณ์ที่พบในข้อสอบ ตัวอย่างโครงสร้างครับ

2.1 – Part of speech (หน้าที่ของคำแต่ละชนิด พวกนี้ เข้าใจแล้วเข้าใจเลย แล้วค่อยเอาไป apply ในห้องสอบอีกที ถ้าทำการบ้านมาดี จะตัด choice ได้เร็วในหลายๆข้อ เพราะโครงสร้างแต่ละคำ หน้าที่ชัดเจน อาจจะมีบางตัวทำได้หลายหน้าที่หน่อย หรือวางได้หลายจุดหน่อย เช่น adv)

2.2 – Tense (มีไม่เยอะมากจนน่ากลัว ส่วนใหญ่มักถามเรื่องการจับคู่ เช่น have + v3 คู่กับ v2 (มี since เป็นคำใบ้) – v2 คู่กับ had + v3 (มี before หรือ after คั่น) — was/were + ving คู่กับ v2 (มี when หรือ while คั่น) เป็นต้น

2.3 – Causative clause (พวก make…, have…, get…, let…, allow… จำโครงสร้างให้แม่นตายตัว)

2.4 – Fixed preposition (prepo. ตายตัว คู่กันเสมอ เช่น refrain + from – exposed + to – come up + with – dedicate + to – accompanied + by – adjacent + to – compensate + for ฯลฯ สามารถ search คำว่า fixed preposition บนเว็บได้เลย)

2.5 – Conjunction (พวกคำเชื่อม ส่วนใหญ่จะออกเป็น choice A, B, C, D และในโจทย์จะมีสองประโยค ต้องอ่านโจทย์หรือดูลักษณะโจทย์ว่า เป็นประเภทไหน ขัดแย้ง คล้อยตามกัน เป็นเหตุเป็นผล เป็นต้น)

2.6 – Collocation (พวกคำที่ใช้คู่กัน เช่น deliver a speech – tender his/her resignation – make an appointment – do the washing up – find a replacement – forgive a debt – land a deal – write up a contract – in an effort to เป็นต้น) ป.ล. พยายาม search จากหลายๆเว็บ แล้วเอามารวมกันทำเป็นชีทไว้อ่านครับ

ขั้นตอนที่ 3

พยายามให้รูปประโยคที่มักใช้คู่กันผ่านตามากที่สุด หมายถึงว่า ต้อง “อ่าน” เยอะๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น collocation ตามข้อ 2.6 ด้านบน หรือถ้าหัดลองใช้ประโยคด้วยจะดีมาก ตรงนี้จะช่วยเรื่อง listening ไปในตัวด้วย

สำหรับเพื่อนๆ ที่มองหาเว็บไซต์สำหรับอ่านภาษาอังกฤษที่ ฟรี และดีมากๆ เหมาะกับการเพิ่มความรู้ และฝึกภาษาอังกฤษ สามารถเข้าอ่านได้ที่บทความนี้ครับ

ขั้นตอนที่ 4

อุปสรรคส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องเวลา พอเริ่มทำ part 7 แล้ว รู้สึกเวลาจะเหลือน้อย ทางแก้คือ ต้องทำ 5 & 6 ให้เร็ว โดยอาศัยเทคนิคร้อยแปดที่สะสมผ่านการทำข้อสอบเสมือนจริงที่เราทำเล่นๆที่บ้าน เพราะ part 7 จะไม่ค่อยถามลึก

คำตอบก็อยู่ในเนื้อที่โจทย์ถาม สิ่งที่น่ากลัวคือ โจทย์จะใช้คำเหมือนที่ให้ความหมายเดียวกันกับคำตอบ อันนี้ต้องหัดศึกษาพวก synonym หรือคำเหมือน (การเข้าใจ part of speech จะช่วยจุดนี้มาก)

เช่น โจทย์ใช้ replace แต่คำตอบเป็น replacement อันนี้ถือว่าตรงประเด็น แค่คำคนละหน้าที่ เหมือนภาษาไทยที่มีคำว่า ดี ความดี การทำดี เรื่องที่ดี เป็นต้น)

สำหรับการฝึกฝนให้คุ้นชินกับข้อสอบ และข้อจำกัดของเวลาในการทำข้อสอบ ผมแนะนำให้เพื่อน ฝึกทำข้อสอบโดยการจับเวลาครับ ซึ่งวิธีที่สะดวกที่สุดคือใช้แอพที่มีระบบ จับเวลาที่ทำข้อสอบด้วย แนะนำเป็นแอพนี้ครับ

ขั้นตอนที่ 5

ทำข้อสอบจริงสัก 3-5 ชุด หรือราวๆ 600 -1,000 (ทั้ง Listening และ Reading) เพื่อให้เห็นรูปแบบของข้อสอบมากที่สุด ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็น pattern เดิมๆ แต่บางชุดอาจมีแบบใหม่โผล่มา และอย่าลืม ศึกษาที่ไปที่มาของคำตอบด้วยนะครับว่า

ตอบข้อนี้เพราะอะไร ดูจาก key word ตัวไหน ในข้อนั้นมี trick อะไรเป็นตัวหลอก เป็นความเสี่ยงแค่ไหน pattern โจทย์ข้อนั้นออกบ่อยหรือเปล่า เป็นต้น

เว็บของเรารวมรวบข้อสอบ TOEIC ให้เพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF พร้อมเฉลย ไปฝึกทำได้แบบฟรีๆ ครับ ทั้ง พาร์ทอ่าน และพาร์ทฟัง ข้อสอบนี้เป็นแบบเดียวกับที่ออกสอบ ณ ปัจจุบันครับ ยากเท่ากัน เหมือนได้ทำข้อสอบจริงๆ ครับ

เราอยากจะย้ำให้เพื่อนๆ เข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว โทอิคต้องการวัดที่ความเข้าใจภาษาอังกฤษของเราครับ แค่การอ่านนั้น ไม่ช่วยทำให้เราเข้าใจได้ดีสักเท่าไหร่ ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นนั้นคือ “การฝึกฝนครับ”

กรณีนี้ ถ้าเราไม่อยากพลาดคะแนนโทอิค Reading เราต้องฝึกฝนทำโจทย์ Grammar พาร์ท 5  6 และ 7 ให้เยอะครับ และแบบทดสอบนั้นควรมีเฉลยที่อธิบายให้รู้ด้วยว่า ที่เราถูกนั้นถูกเพราะอะไร และผิดเพราะอะไร

เรียนรู้คำศัพท์และไวยากรณ์เพื่อเตรียมสอบ TOEIC

ท่องศัพท์ ท่องศัพท์ ท่องศัพท์ การรู้ศัพท์เยอะอาจจะไม่ได้เป็นยาสูตรครอบจักรวาลหรอก บางครั้งรู้ศัพท์เยอะอย่างเดียวก็ไม่ได้ช่วยทำให้สอบได้คะแนนดีซะทีเดียว

เพราะจะทำข้อสอบได้ดีต้องมีหลายทักษะหลายส่วนมากผนวกกัน แต่การสะสมคลังคำศัพท์และท่องศัพท์นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ทำได้ทุกวันทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ

เพียงมีชีทศัพท์แล้วปิดด้านที่เป็นความหมายไว้ แล้วนั่งไล่สายตาไปทีละตัวแล้วพูดความหมายของคำออกในใจ

เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ตอนนั่งรถประจำทาง ช่วงเวลา 5 นาทีก่อนนอน สะสมไปเรื่อย ๆ ทุกวัน รู้ตัวอีกทีก็เพิ่มพูนคลังคำศัพท์ได้เยอะแยะในเวลาไม่นานเลย 

เวลาทำข้อสอบแล้วมีคำศัพท์ที่เราไม่รู้ 1 คำ แต่ถ้าเรามีคลังคำศัพท์ในหัวเยอะบังเอิญรู้ความหมายของอีก 3 คำที่เหลือที่ปรากฏอยู่ในตัวเลือก

เราก็ใช้คำที่เรารู้มาช่วยสรุปหาคำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดออกมา กล่าวคือ การรู้ศัพท์เยอะ อาจมีส่วนช่วยให้เราสามารถตัดช้อยส์ และเลือกข้อที่ถูกต้องได้เลยหล่ะ

นอกจากนั้นถ้าเราจะเตรียมตัวที่จะสอบ TOEIC เราควรจะต้องรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ Grammar (แกรมม่า) เรื่องอะไรบ้างกันบ้าง

ในบทความนี้จะมาสรุปหัวข้อที่เราควรจะต้องรู้และทำความเข้าใจ รวมไปถึงทำ โจทย์ข้อสอบให้เยอะๆเข้าไว้ โดย Grammar เรื่องใหญ่ๆก็จะมีหัวข้อเรื่องที่ต้องรู้ดังต่อไปนี้

  • Tense
  • If clauses
  • Preposition เช่น in, on, at
  • Pronouns
  • Relative pronouns, Relative adverb
  • Conjunctions
  • Determiners เช่น this that these those, either, neither ต่างๆ
  • Past & present participles
  • Comparative/Superlative Adjective
  • Part of speech, word family เรื่องนี้จะออกเยอะมากๆ
  • อื่นๆ เช่นการใช้ make, let, get, have

ฝึกทำข้อสอบ TOEIC (Mock Test)

การฝึกทำข้อสอบจะทำให้เราสามารถคุ้นชินกับการทำข้อสอบ TOEIC มากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งได้เรียนรู้ข้อที่ผิดพลาดไปด้วยในทุกครั้งที่มาดูเฉลยตอนตรวจคำตอบ

กล่าวคือ ได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองนั่นเอง เพื่อให้สมจริงที่สุด ตอนฝึกทำอย่าลืมจับเวลาให้เหมือนเวลาจริงในการสอบหล่ะ

ไม่ได้มีแค่พาร์ทที่เป็น Reading นะที่จะฝึกได้ พาร์ทที่เป็น Listening ก็ฝึกได้ไม่ต่างกันเลย มีข้อสอบแบบ Listening ให้ฝึกได้ฟรีใน Youtube เยอะมาก

หรือนอกจากนั้นก็จะมีพวกหนังสือหรือเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อสอบ TOEIC ต่างๆ ที่เราสามารถลองเอาไปทำเพื่อฝึกฝนระหว่างการเตรียมสอบ TOEIC ได้เลย

4 – เว็บไซต์หรือคอร์สเรียนที่ช่วยให้คุณเตรียมสอบ TOEIC ได้ดี

#1 – ExamEnglish

เว็บไซต์ www.examenglish.com เป็นเว็บไซต์สำหรับคนที่เตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น IELTS TOEFL TOEIC และอื่นๆ

คงไม่ต้องเดาว่าผมจะมุ่งไปที่ข้อสอบอะไร ผมกวาดสายตาอย่างรวดเร็วจนเจอสิ่งที่ผมต้องการนั่นคือ TOEIC ซึ่งมีครบทุกพาร์ทเหมือนข้อสอบจริง

ในการตอบคำถามแต่ละข้อ รูปแบบการเฉลยจะเฉลยเลยทันทีหลังจากที่เราคลิกเลือกคำตอบว่าคำตอบนั้นถูกหรือผิด แต่จะไม่มีอธิบายให้ว่าทำไมจึงตอบข้อนั้นๆ

จึงอาจจะต้องเรียนรู้เนื้อหาเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นๆควบคู่กันไปด้วยนะครับ นอกจากนี้ในเว็บไซต์ยังมีบอกข้อมูลอื่นๆของ ข้อสอบ TOEIC รวมถึงบอกด้วยว่าคะแนนแต่ละช่วงมีความหมายอย่างไรบ้าง ที่สำคัญมีเป็นแอพพลิเคชันให้ดาวน์โหลดลงมือถือได้ด้วยครับ

#2 – Memmo Read

Memmoread
เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่แนะนำในการเตรียมสอบ TOEIC

เว็บนี้จะรวมพวกข้อสอบเก่า ๆ เอาไว้ค่ะ อีกทั้งยังมีพาร์ทการฟัง การอ่าน การเขียน ครบเลย เหมาะกับคนที่อยากลองสอบ TOEIC แบบจำลองไปก่อนค่ะ ซึ่งในเว็บ โจทย์เขาจะให้เราได้คิดวิเคราะห์ค่ะ ดีมาก ๆ

มีไอค่อนให้เราคลิ๊กเลือกด้วยค่ะ ว่าจะฝึกพาร์ทไหน อีกทั้งยังช่วยให้เราเข้าใจในพื้นฐานทุกอย่างของภาษาอังกฤษ เข้าใจรูปแบบการสอบ และเทคนิคการทำข้อสอบด้วยค่ะ เหมือนเป็นการซ้อมสอบเลย

#3 – Open Durian

เว็บนี้จะเป็นศูนย์รวมข้อสอบเก่า ๆ ที่เคยสอบในโทอิคค่ะ ซึ่งเป็นเเนวที่เหมือนกับในข้อสอบเลย จะต่างกันเล็กน้อย เพื่อน ๆ สามารถโหลดมาทำแบบฝึกหัดได้เลย

เขามีเฉลยให้ด้วยนะ หรือบางอันก็เจอในข้อสอบด้วยนะ เเนะนำมาก ๆ เลย สำหรับพาร์ท Reading ให้ทำข้อสอบกับเว็บนี้นะคะ มีเยอะมาก ๆ ทุกข้อล้วนเเต่เคยไปอยู่ในข้อสอบ TOEIC ทั้งนั้นเลย

#4 – YourEnglishTest.Com

การทดสอบนี้ประกอบด้วยคำถาม 200 ข้อเหมือนกับการทดสอบทั่วไป นั่นคือการฟัง 100 ข้อ และการอ่านอีก 100 ข้อ

แม้จะไม่ได้กำหนดเวลาการสอบแต่เมื่อสอบเสร็จคุณจะรู้ระดับภาษาอังกฤษของตัวเอง

#5 – คอร์สเรียนต่างๆ ของ EngBreaking

เรียนรู้จากทั้ง 3 คอร์สเรียนของ Eng Breaking จะช่วยให้คุณได้ฝึกฟัง ฝึกอ่าน เรียนรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ๆ เวลาคุณเรียนรู้และเตรียมตัวให้พร้อให้ก่อนไปสอบ TOEIC เลยค่ะ

สรุปว่าอย่างไรบ้างกับบทความ รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ในการเตรียมสอบ TOEIC อัปเดตปี 2566 ทาง Eng Breaking

หวังว่าบทความนี้จะเป็นผลประโยชน์ที่ดีในการเตรียมสอบ TOEIC ของเพื่อน ๆ ทุกคนนะ และหวังว่าทุกคนจะพิชิตข้อสอบ TOEIC ได้อย่างกล้วย ๆ และได้คะแนนสูงตามที่คาดหวังกันนะคะ เจอกันในบทความต่อไปค่ะ

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

ความคิดเห็น 635 รายการ
 
  • Sudarat Manee

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Mik Jakkaphat

    เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Soda Sodaaa

    เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ

    ถูกใจ ตอบกลับ20 ชั่วโมง
  • RueThaiRut

    เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ

    ถูกใจ ตอบกลับ2 นาที
  • เจมส์ ธีรพงศ์

    มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Cat Catt

    ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Meawww Jhaa

    เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?

    ถูกใจ ตอบกลับ5 ชั่วโมง
  • Naphawan MeeJaiii

    นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!

    ถูกใจ ตอบกลับ15 นาที
  • GotCha

    ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ป๋อง ฤทธิเดช

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ดวงใจ มาเต็ม

    เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • หนูน้อย หมวกแดง

    เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *