เดือนภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและตัวอย่างประโยค [ความรู้เพียบ]

เดือนภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและตัวอย่างประโยค

แม้จะมีแค่ 12 เดือน แต่ก็อาศัยหลักในการช่วยจำ Eng Breaking สอนวิธีการเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับ 12 เดือนภาษาอังกฤษ

พร้อมเผยเคล็ดลับกับที่มาที่น่าสนใจ เพื่อสร้างระบบการจดจำคำศัพท์และคำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสามารถนำไปใช้งานได้ถูกต้องอย่างถูกวิธี

1 – ตารางเดือนภาษาอังกฤษทั้ง 12 เดือน

สำหรับใครที่เคยเรียนผ่านส่วนนี้ไปแล้วแต่ยังออกเสียงผิดๆ สับสนกันอยู่ หรือใครที่ไม่เคยเรียนส่วนนี้มาก็สามารถเรียนรู้วิธีการอ่านทับศัพท์ ของเดือนภาษาอังกฤษ ตามตาราง Months of the year (Month แปลว่า เดือน Year แปลว่า ปี) ที่เราสรุปมาให้ทั้ง 12 เดือนดังนี้

ที่ ภาษาอังกฤษ เสียงอ่าน ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน คำแปล
1 January [‘dʒænjʊərɪ] แจ๊นยุอะริ เดือนมกราคม
2 February [‘febrʊərɪ] เฟ๊บรุอะริ เดือนกุมภาพันธ์
3 March [mɑrtʃ /mɑːtʃ] มาช เดือนมีนาคม
4 April [‘eɪprəl] เอ๊เพริล เดือนเมษายน
5 May [meɪ] เม เดือนพฤษภาคม
6 June [dʒuːn] จูน เดือนมิถุนายน
7 July [/dʒu´lai/] จุล๊าย เดือนกรกฎาคม
8 August [ɔː’gʌst] ออเกิ๊สท เดือนสิงหาคม
9 September [sep’tembə] เซ็พเท็มเบอะ เดือนกันยายน
10 October [ɒk’təʊbə] อ็อคโท๊เบอะ เดือนตุลาคม
11 November [nəʊ’vembə] โนเว๊มเบอะ เดือนพฤศจิกายน
12 December [dɪ’sembə] ดิเซ๊มเบอะ เดือนธันวาคม

จากตาราง “Months of the year” อ่านจากซ้ายไปขวาจะเห็นวิธีการออกเสียง เดือนภาษาอังกฤษ เราควรอ่านตามเสียงอ่านที่อ้างอิงมาจากพจนานุกรม แล้วสามารถเขียนเป็นคำทับศัพท์ตามเสียงอ่านเอาไว้ เพื่อออกเสียงตามให้ถูกต้อง เช่น

เดือนมกราคม คือ January ที่จะมีเสียงอ่าน เป็น [‘dʒænjʊərɪ] และ ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน คือ แจ๊นยุอะริ คุณดูจากส่วนนี้แล้วลองออกเสียงตาม

เดือนที่เหลือก็ใช้วิธีแบบนี้ เพื่อให้ทราบทั้งการสะกดตามภาษาอังกฤษ และทับศัพท์ตามเสียงอ่านเพื่ออ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง

วิธีการจดจำเดือนภาษาอังกฤษ
Eng Breaking แนะนำวิธีจดจำเดือนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ

ดูเพิ่ม:

2 – ตัวอักษรย่อเดือนในภาษาอังกฤษ

ในภาษาไทยของเรามีวิธีการเขียนคำย่อสำหรับ 12 เดือนในหนึ่งปี ด้วยการใช้อักษรนำของเป็นอักษรย่อขึ้นนำกับตัวอักษรใกล้คำท้ายสุด เพื่อให้เราจำได้ว่าศัพท์นั้นมีทั้งหมดสองส่วน

เช่น เดือน มกราคม จะเขียนย่อๆ เป็น ม.ค และเดือน กุมภาพันธ์ จะเขียนย่อๆ เป็น ก.พ เดือน มีนาคม จะเขียนย่อๆ เป็น มี.ค ฯลฯ

ในภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน เพื่อความสะดวกในการเขียนเดือนภาษาอังกฤษก็มีใช้ตัวอักษรย่อ หรือเรียกได้ว่า Abbreviation ที่คุณสามารถใช้ได้สองแบบ คือเขียนเดือนเต็มคำ หรือเขียนแบบย่อก็แล้ว ที่มีการให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์

การจำเดือนตามตัวอักษรย่อในภาษาอังกฤษก็ง่ายมาก แค่เอาคำที่เราออกเสียงแรกมาเพื่อแสดงคำย่อของเดือนนั้น ตามนี้

  1. สำหรับ เดือนมกราคม: January ตัวย่อคือ Jan.
  2. สำหรับ เดือนกุมภาพันธ์: February ตัวย่อคือ Feb.
  3. สำหรับ เดือนมีนาคม: March ตัวย่อคือ Mar.
  4. สำหรับ เดือนเมษายน: April ตัวย่อคือ Apr.
  5. สำหรับ เดือนพฤษภาคม: May ตัวย่อคือ May (เป็นเดือนเดียวที่ไม่มีตัวย่อ)
  6. สำหรับ เดือนมิถุนายน: June ตัวย่อคือ Jun.
  7. สำหรับ เดือนกรกฏาคม: July ตัวย่อคือ Jul.
  8. สำหรับ เดือนสิงหาคม: August ตัวย่อคือ Aug.
  9. สำหรับ เดือนกันยายน: September ตัวย่อคือ Sep. หรือ Sept.
  10. สำหรับ เดือนตุลาคม: October ตัวย่อคือ Oct.
  11. สำหรับ เดือนพฤศจิกายน: November ตัวย่อคือ Nov.
  12. สำหรับ เดือนธันวาคม: December ตัวย่อคือ Dec.

นอกจากนี้ยังมีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับเดือนที่น่าสนใจ ที่เราควรจดจำไว้ เพราะมักจะเจอบ่อยในบทอ่าน หรือบทฟังต่างๆ 

เช่น

  • Last month ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน ลาสท์มั้นธ์ แปลว่า เดือนที่แล้ว
  • This month ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน ดิสมั้นธ์ แปลว่า เดือนนี้
  • Next month ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน เน็กท์มั้นธ์ แปลว่า เดือนหน้า
  • Next two month ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน เน็กซ์ทู มั้นธ์ แปลว่า 2 เดือนข้างหน้า
  • Every month ทับศัพท์ตามเสียงอ่าน เอฟรี่มั้นธ์ แปลว่า ทุกเดือน

ขอเสริมความรู้เกี่ยวกับวิธีการเขียน วัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ ดังนี้

  • เริ่มจาก วัน, เดือน + วัน (ที่เป็นตัวเลข), ปี เช่น Thursday, April 16th, 2020 แปลว่า วันพฤหัสบดีที่ 16 เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2020
  • หรือสามารถเขียนเป็นอีกแบบคือ วัน, วัน (ที่เป็นตัวเลข) + เดือน, ปี เช่น Thursday, 16th April , 2020 ก็ได้เหมือนกัน

คุณอาจต้องการที่จะเห็น:

3 – ตัวอย่าง ประโยคการถาม – ตอบ เกี่ยวกับเดือน ในภาษาอังกฤษ

Q : What is this month? ว้อท อีส ดิส มั้นธ์ แปลว่า เดือนนี้คือเดือนอะไร?
A : This month is February ดิส มั้นธ์ อีส เฟ๊บรุอะริ แปลว่า เดือนนี้คือ เดือนกุมภาพันธ์

Q : What is last month? ว้อท อี ลาสท์ มั้นธ์ แปลว่า เดือนที่แล้วคือเดือนอะไร
A : Last month is January ลาสท์ มั้นธ์ อีส แจ๊นยุอะริ แปลว่า เดือนที่แล้วคือเดือนมกราคม

Q : What is last two month? ว้อท อีส ลาสท์ ทู มั้นธ์ แปลว่า สองเดือนที่แล้วคือเดือนอะไร
A : Last two month is December ลาสท์ ทู มั้นธ์ อีส แปลว่า สองเดือนที่แล้วคือเดือนดิเซ๊มเบอะ

Q : What is next month? ว้อท อีส เน็กท์ มั้นธ์ แปลว่า เดือนหน้าคือเดือนอะไร
A : Next month is March. เน็กท์ มั้นธ์ อีส มาช แปลว่า เดือนหน้าคือเดือนมีนาคม

Q : What is next two month? ว้อท อีส เน็กท์ ทู มั้นธ์ แปลว่า สองเดือนข้างหน้าคือเดือนอะไร
A : Next two month is April. เน็กท์ ทู มั้นธ์ อีส เอ๊เพริล แปลว่า สองเดือนข้างหน้าคือเดือนเมษายน

Q : What is your birth month? ว้อท อีส ยัวร์ เบิร์ธ มั้นธ์ แปลว่า คุณเกิดเดือนอะไร
A : I was born in October.    ไอ วอส บอร์น อิน อ็อคโท๊เบอะ แปลว่า ฉันเกิดเดือนตุลาคม

Q : What month is the raining season start and end? ว้อท มั้นธ์ อีส เดอะ เรนนิ่ง ซีซั่น สตาร์ท แอนด์ เอ็นด์ แปลว่า ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนอะไรถึงเดือนอะไร
A : Raining season starts from May to October. เรนนิ่ง ซีซั่น สตาร์ท ฟรอม จูน ทู อ๊อคโทเบอร์ แปลว่า ฤดูฝนเริ่มตั่งแต่เดือนเม ถึงเดือนตุลาคม

Q :  When is Loykratong Day? แปลว่า วันลอยกระทงเมื่อไหร่
A : It is in November.แปลว่า มันอยู่ในเดือนพฤศจิกายน

Q :  When is Songkran Day? แปลว่า วันสงกรานต์เมื่อไหร่
A : It is in April แปลว่า มันอยู่ในเดือน เมษายน

4 – เคล็ดลับจำเดือนภาษาอังกฤษอย่างไรดี

มีหลายคนเคยบถามเกี่ยวกับวิธี ทำอย่างไรเพื่อจดจำศัพท์ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง เดือนภาษาอังกฤษ วันนี้ Eng Breaking จะเปิดเคล็ดลับจดจำเดือนในภาษาอังกฤษ ดังนี้

1. สามารถเรียนเดือนภาษาอังกฤษ ผ่านเพลงที่มีหลากหลายเกี่ยวกับ Youtube มีบทเพลงให้เลือกกับหลักการสอนที่ช่วยให้ออกเสียงได้ชัด พร้อมรูปภาพน่าสนใจทำให้ผู้เรียนจดจำได้ดี

2. ฝึกการเขียนแล้วนำคำมาตั้งประโยคอ้างอิงจากสถานการณ์ส่วนตัวก็ได้ ให้เหมือนกับว่าการเรียนรู้เรานี้เป็นเรื่องราวใกล้ตัว เช่นการเขียนประโยคในไดอารี่ เพื่อบอกเล่าว่าเดือนที่แล้วทำอะไร เดือนนี้กำลังทำอะไร หรือเดือนหน้ามีแพลนจะทำอะไร เป็นต้น

3. ท่องจำแบบเรียงลำดับจากเดือน 1 ไป 12 ขณะท่องก็ให้นับนิ้วมือไปด้วย แล้วหาเพื่อนมาสร้างบทสนทนาถามตอบ หรือเล่าเกมช่วยจำศัพท์นี้ได้ง่ายๆ เช่นเกมจับฉลาก ใครฉับได้เดือนไหนก็ตั้งประโยคกับเดือนนั้นแล้วแปลความหมาย เพื่อนที่เล่นด้วยจะเช็คดูว่าแปลถูกหรือผิด และสลับกันถามเช่น “How to say เดือนมกราคม in English?” แปลว่า เดือนมกราคมในภาษาอังกฤษพูดอย่างไร? แล้วอีกคนก็จะตอบคำถามนั้นเช่น January ตอบเสร็จก็ถามต่อ จนถึงครบ 12 เดือนอังกฤษ 

ที่มาของชื่อเดือน ทำความเข้าใจกับที่มาและความหมายของชื่อเดือนภาษาอังกฤษ
ทำความเข้าใจกับที่มาและความหมายของชื่อเดือนภาษาอังกฤษ

5 – ที่มาและความหมายของชื่อเดือนภาษาอังกฤษ

ก่อนที่จะพูดถึงความเป็นมาของ เดือนภาษาอังกฤษ 12 เดือน เราก็ย้อนกลับมาดูว่าเดือนในภาษาไทยมีความหมายอย่างไรกันกับ Eng Breaking ดังนี้

  • เดือนมกราคม คือมาจาก มกร (มังกร) + อาคม ที่แปลว่า การมาถึงของราศีมังกร
  • เดือนกุมภาพันธ์ คือมาจาก กุมภ์ (หม้อ) + อาพนธ แปลว่า การมาถึงของราศีกุมภ์
  • เดือนมีนาคม คือมาจาก มีน (ปลา) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมีน
  • เดือนเมษายน คือมาจาก เมษ (แกะ) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีเมษ
  • เดือนพฤษภาคม คือมาจาก พฤษภ (วัว,โค) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีพฤษภ
  • เดือนมิถุนายน คือมาจาก มิถุน (ชายหญิงคู่) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีมิถุน
  • เดือนกรกฎาคม คือมาจาก กรกฎ (ปู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีกรกฎ
  • เดือนสิงหาคม คือมาจาก สิงห (สิงห์) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีสิงห์
  • เดือนกันยายน คือมาจาก กันย (สาวพรหมจารี) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีกันย์
  • เดือนตุลาคม คือมาจาก ตุล (ตาชั่ง ตราชู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีตุล
  • เดือนพฤศจิกายน คือมาจาก พิจิก, พฤศจิก (แมงป่อง) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีพิจิก
  • เดือนธันวาคม คือมาจาก ธนู (ธนู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีธนู

แล้วคุณสงสัยไหมว่าสำหรับเดือนในภาษาอังกฤษมีที่มา และความหมายอย่างไรกันหรือไม่ เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว

6 – ประวัติปฏิทิน วัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ

จากอดีตกาล มีหลักฐานปรากฏว่ามนุษย์นั้น มีการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ และดูปฏิทิน มาก่อนที่มนุษย์จะสามารถประดิษฐ์ตัวอักษรได้เสียอีก โดยมนุษย์มีความรู้ในการรู้วัน เดือน ปี มาจาการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว

หลังจากนั้นก็ได้มีการนำก้อนหินมาเรียงกันเป็นสัญลักษณ์เพื่อจะบอกกล่าวช่วงเวลานั้น ๆ จากหลักฐานที่ปรากฏในโลกนี้ก็มีให้เห็น

อย่างเช่น Stonehenge ที่ประเทศอังกฤษ และชาวสุเมเรียนผู้ครองดินแดนเมโสโปเตเมียได้แบ่งช่วงเวลา 1 ปี ออกเป็น เดือนภาษาอังกฤษ 12 เดือน และกำหนดไว้ว่าระยะเวลากลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน ซึ่งต่อมาชาวไอยคุปต์นำความรู้นี้ไปพัฒนาต่อ

เรามาดูทางฝากฝั่งยุโรปกันบ้าง กษัตริย์กรุงโรมได้สร้างปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นโดยกำหนดให้ 1 ปีมี 10 เดือน หรือ 304 วัน (ซึ่งจะมีความแตกต่างกับปฏิทินในยุคปัจจุบันอยู่มาก)

โดยเริ่มต้นนับจากเดือนมีนาคม เป็นเดือนในการเริ่มต้นปีใหม่ไปจนถึงเดือนธันวาคม โดยจะเรียกในแต่ละเดือนตามชื่อเทพเจ้าดังนี้

เริ่มต้อนจากเดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน ส่วนเดือนหลังจากนั้นจะเป็นชื่อจากสิ่งอื่น Martius, Aprilis, Maius, Junius, Quintilis, Sextilis, September, October, November และ December

ปฏิทินนี้เป็นที่รู้จักและใช้ต่อกันเรื่อยมาจนถึงประมาณ 738 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นเดือน January และ February ได้ถูกเพิ่มขึ้นโดยกษัตริย์โรมันนามว่า Numa Pompilius ทำให้เดือน October เลื่อนไปอยู่เดือนที่สิบ

7 – รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติชื่อที่มาของในแต่ละเดือน

1. เดือนภาษาอังกฤษ January – เดือนมกราคม

เป็นเดือนที่ตั้งชื่อตามเทพเจ้า Janus หรือชื่อเดิมคือ Lanuarius ตามตำนานเทพปกรณัมของชาวโรมัน Janus เป็นเทพผู้ควบคุมจักรวาล เป็นเทพผู้รักษาประตูสวรรค์ ผู้เปิด-ปิดทุกสรรพสิ่ง รวมกระทั่งประตูสวรรค์

ชาวโรมันจินตนาการภาพของเจนัสว่าเป็นเทพที่มีสองพักตร์ พักตร์หนึ่งหันมาด้านหน้า ส่วนอีกพักตร์หนึ่งอยู่ทางด้านหลัง ด้วยเหตุที่ทรงรู้ทั้งอดีตและอนาคต ถือเป็นคติของการเริ่มต้นใหม่ วันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่

2. เดือนภาษาอังกฤษ February – เดือนกุมภาพันธ์

ตั้งตามชื่อเทพเจ้าแห่งความตายและความบริสุทธิ์ เทพองค์นี้เป็นเทพที่ชาวอิทรัสกันบูชากัน ที่มีนามว่า Februus หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Februa และ Februalia 

3. เดือนภาษาอังกฤษ March – เดือนมีนาคม

เดือนนี้มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า Martius หมายถึงเทพเจ้า Mars เทพแห่งสงคราม และก็เป็นชื่อเดือนแรกของปีในปฏิทินรูปแบบเดิมของชาวโรมัน เลยหลังจากนั้นถ้าพูดถึงเดือนมีนาคมในภาษาอังกฤษทุกคนจะออกเสียงเป็น March

4. เดือนภาษาอังกฤษ April – เดือนเมษายน

สำหรับเดือนเมษายนมีที่มาน่าสนใจมาก ที่ April มาจากคำว่า Aprilis หมายถึงรากศัพท์ภาษาละตินว่า Aperire ที่มีความหมายบ่งบอกถึงการ ผลิดอกออกผล ซึ่งอาจหมายถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ และอาจมาจาก Apru ชื่อของเทพีแห่งความรัก

5. เดือนภาษาอังกฤษ May – ชื่อเดือนพฤษภาคม

เดือนพฤษภาคมนี้มาจากชื่อของเทพธิดาของกรีกคือ Maia ซึ่งสมัยโรมันเทพองค์นี้หมายถึงเทพธิดาแห่งการเจริญเติบโตและความอุดมสมบูรณ์  เลยมีการออกเสียงคล้ายๆ กับ [meɪ] หลังจากนั้นเดือนพฤษภาคมก็ได้เรียกว่าเดือน May จนถึงวันนี้

6.เดือนภาษาอังกฤษ June – เดือนมิถุนายน

เดือนมิถุนายน มีที่มาจากเทพเจ้าโรมันคือ “Juno” หรือ “Hera” เป็นเทพธิดาแห่งการแต่งงาน และเป็นเทพธิดาของคู่บ่าวสาว จึงมีความเชื่อว่าหากแต่งงานในเดือนนี้จะโชคดี

นอกจากนี้ก็มีคนบอกว่าชื่อของเดือน Jun ก็มาจากคำว่า “Juveins” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Iuniore” แปลว่า “หนุ่ม” หรือ “วัยรุ่น” ที่หมายถึงเดือนที่มีแต่สี่งดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานแต่ง หรือเรื่องมีลูกก็ตาม

7. เดือนภาษาอังกฤษ July – เดือนกรกฎาคม

สำหรับเดือนกรกฎาคม ที่มากจากอนุสรณ์แด่ Julius Caesa ที่เรียกสั้นๆ คือ July นอกจากนั้นก็มีข่าวที่บอกว่าก่อนหน้านี้เดือน July มีอีกชื่อหนึ่งคือ Quintilis หมายถึงลำดับที่ 5 ของปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม

แต่อาจจะกลัวความซับซ่อนกับเดือน May ก็หมายถึงเลข ห้า เลยตอนนี้เดือน กรกฎาคม จะได้เรียกตามชื่อที่สองคือ July

8. เดือนภาษาอังกฤษ August – เดือนสิงหาคม

สำหรับเดือน สิงหาคมนี้ได้เรียกกันว่า August เพราะมันมาจาก อนุสรณ์แด่ Augustus Caesar นอกจากนั้นก็มีข่าวที่บอกว่าก่อนหน้านี้เดือน August มีอีกชื่อหนึ่งคือ Sextilis หมายถึงลำดับที่ 6 ของปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม

9. เดือนภาษาอังกฤษ September – เดือนกันยายน

สำหรับเดือนกันยา เป็นเดือนลำดับที่ 7 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Septem” แปลว่า “เจ็ด” เลยถ้าพูดถึงเดือนกันยายน ทุกคนจะออกเสียงว่า [sep’tembə]

10. เดือนภาษาอังกฤษ October – เดือนตุลาคม

สำหรับเดือนสิงหาที่บ้านเรา ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะได้เรียกว่า [ɒk’təʊbə] เขียนว่า October ออกเสียงว่า ที่มาจากเดือนลำดับที่ 8 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ตั้งมาจากภาษาละตินว่า Octo แปลว่า แปด

11. เดือนภาษาอังกฤษ November – เดือนพฤศจิกายน

สำหรับเดือนพฤศจิกายนในภาษาอังกฤษมีที่มาจากปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม เดือนนี้จะเป็นเดือนลำดับที่ 9 ตั้งมาจากภาษาละตินว่า Novem แปลว่า เก้า เลยตอนนี้ทุกคนจะออกเสียงว่า [nəʊ’vembə] หรือเขียนว่า November

12. เดือนภาษาอังกฤษ December – เดือนธันวาคม

สำหรับเดือนธันวาคมในภาษาอังกฤษมีที่มาจากปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม เป็นเดือนลำดับที่ 10 ตั้งมาจากภาษาละตินว่า Decem แปลว่า สิบ เลยตอนนี้ทุกคนจะออกเสียงว่า [dɪ’sembə]หรือเขียนว่า December นั้นเอง

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าชื่อตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ไปจนถึง ธันวาคม คือเดือนJunly ถึงเดือน December ความหมายและที่มาของแต่ละเดือนในภาษาอังกฤษจะเป็นลำดับตัวเลขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ไม่เหมือนกับ เดือน มกราคม ถึง มิถุนายน คือเดือน January ถึงเดือน June ที่มีประวัติการตั้งมาจากเทพเจ้าทั้งสิ้น นี่ก็เป็นที่มาของชื่อ เดือนภาษาอังกฤษ 12 เดือน ตามความเชื่อของคนเราจนถึงทุกวันนี้

ดูเพิ่มเติมที่:

8 – ข้อระมัดระวังเมื่อตั้งประโยคกับ “In” , “On” ที่เกี่ยวกับเรื่องเวลา วัน -เดือน -ปีใช้ “In”

1. ใช้ “In”

  • ในความหมาย แปลว่า ใน, ภายในหรือในสถานที่ เช่น
    • Fish lives in the water.  ปลาอาศัยอยูในน้ำ (คำว่า In หมาบถึง “ใน”)
  • ใช้บอกเวลาที่เป็นชื่อ Centuries, Decades, Years, Months, Weeks และส่วนแบ่งภาคของวัน เช่น
    • It is very hot in April. อากาศร้อนในเดือนเมษายน (In + เดือน)
    • I was born in B.E. 2500. ฉันเกิด พ.ศ. 2500 (In + ปี)
    • It is hot in Summer. อากาศร้อนในฤดูร้อน (In + ฤดูกาล)
    • I like to go shopping in the afternoon. ฉันชอบไปช๊อปปิ้งในตอนบ่าย (In + ส่วนแบ่งภาคของวัน)
  • ถ้าพูดถึง Location เราจะใช้ “In” สำหรับที่ทั่วไปมีความหมายกว้าง หรือเรียกได้ว่า “General” เช่น In Thailand, In Japan, In Tokyo…

นอกจากนี้ยังมีกริยาที่ต้องตามด้วย “in” เสมอ เช่น believe in แปลว่า มีความเชื่อใน, share in แปลว่า ส่วนแบ่งใน…

2. ใช้ “On”

  • ในความหมายแปลว่า บน, ข้างบน เพื่อแสดงตำแหน่ง (Position) เช่น
    • He sits on the sofa.  เขานั่งบนโซฟา (On ในประโยคนี้หมายถึง “บน”)
  • ใช้บอกเวลาที่เป็นชื่อของวันหรือวันที่ days, weekend และวันสำคัญต่างๆ เพื่อบ่งบอกเวลา (Time) เช่น
    • Her birth-day is on Octorber 20th. เธอเกิดวันที่ 20 ตุลาคม (On +เวลาสำคัญ )
    • I will going to shopping on next Monday. ฉันจะไปซื้อของในวันจันทร์หน้า (On + วันที่ในหนึ่งสัปดาห์)
  • ใช้นำหน้าชื่อถนนเพื่อแสดงสถานที่ (place) ที่มีแบบรายละเอียด ที่ได้เรียกว่า “More Specific” เช่น
    • My office is on Phaya Thai Road. ที่ทำงานของฉันอยู่บนถนนพญาไท
  • ใช้กับยานพาหนะที่ไม่มีอะไรปิดบัง เช่น on a bicycle, on a horse, on a motor-cycles

นอกจากนี้ยังมีกริยาที่ต้องตามด้วย “on” เสมอ live on แปลว่า มีชีวิตอยู่ได้ด้วย, call on แปลว่า เยี่ยม

วิธีใช้กริยาวิเศษณ์เวลาและสถานที่ (in on at)
ควรจดจำวิธีการใช้คำบุพบทกับเดือนภาษาอังกฤษเมื่อตั้งประโบค

ทั้งหมดข้างต้นคือวิธีการอ่านออกเสียง การเขียน การสะกดคำ และการตั้งประโยคที่น่ารู้ สำหรับใครๆ ที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับ เดือนภาษาอังกฤษ

อย่าลืมติดตาม Eng Breaking เพื่ออัพเดทข้อมูล ดีๆ เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อช่วยการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สามารถทำได้นะคะ

ไม่พลาดกับบทความนี้:

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

ความคิดเห็น 635 รายการ
 
  • Sudarat Manee

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Mik Jakkaphat

    เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Soda Sodaaa

    เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ

    ถูกใจ ตอบกลับ20 ชั่วโมง
  • RueThaiRut

    เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ

    ถูกใจ ตอบกลับ2 นาที
  • เจมส์ ธีรพงศ์

    มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Cat Catt

    ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Meawww Jhaa

    เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?

    ถูกใจ ตอบกลับ5 ชั่วโมง
  • Naphawan MeeJaiii

    นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!

    ถูกใจ ตอบกลับ15 นาที
  • GotCha

    ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ป๋อง ฤทธิเดช

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ดวงใจ มาเต็ม

    เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • หนูน้อย หมวกแดง

    เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

3 thoughts on “เดือนภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและตัวอย่างประโยค [ความรู้เพียบ]

  1. Pingback: ตัว ย่อ ของ เดือน ภาษา อังกฤษ・guide & news อัปเดต 2022

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *