อยากได้คะแนนสอบ Toeic สูง เพื่อไว้ใช้ตอนสมัครงาน หรืออยากมีใบรับรองภาษาอังกฤษ เพื่อเรียนต่อต่างประเทศ แต่กำลังประสบปัญหากับเรื่อง ทำ TOEIC ทั้ง 7 Part ไม่ทัน! ทำอย่างไรดี อย่าพลาดกับเคล็ดลับเด็ด ช่วยผู้เรียนภาษาอังกฤษทุกคนสามารถสอบผ่าน Toeic ฉบับอัปเดต 2020 กับ EngBreaking.co.th
ดูเพิ่มเติมที่: A-Z คําศัพท์ภาษาอังกฤษเจอบ่อยในข้อสอบ TOEIC
สอบ TOEIC จำเป็นจริงหรือไม่?
สำหรับผู้เรียนที่ยังไม่เคยทดลองสอบ TOEIC อาจจะไม่รู้และมีข้อสงสัยว่าเป็นแบบไหน เนื้อหาประกอบด้วยอะไรบ้าง แล้วคะแนนสอบได้เท่าไหร่ถึงจะผ่าน ? มาหาคำตอบได้ที่นี่กับ EngBreaking
TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication คือการสอบพื่อวัดระดับการใช้ภาษาอังกฤษของผู้เรียนทั่วโลก มีประโยชน์และความสำคัญกับทั้งนักเรียน นักศึกษาและคนทำงาน เพราะโลกสมัยนี้นิยมการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ดังนั้นถ้าคุณเก่ง คุณใช้ภาษาอังกฤษเป็น คุณต้องมีความเข้าใจในการสอบรูปแบบต่าง ๆ เช่น TOEIC หรือ IELTS ซึ่งเมื่อสอบผ่านจะได้รับใบรับรองภาษาอังกฤษ จะช่วยให้คุณมีโอกาสหางาน หรือเรียนต่อในอนาคตอย่างสะดวกมากขึ้น
ในข้อสอบ TOEIC จะมีสองรูปแบบคือในเทสต์ทักษะการฟังหรือเรียกว่า Listening และทักษะการอ่านหรือเรียกว่า Reading แบ่งเป็น 7 Part ใช้เวลาในการสอบ 2 ชั่วโมง มีข้อสอบทั้งหมด 200 ข้อ (45+75 นาที) คะแนนเต็ม 990 คะแนน
ประกอบด้วย Listening Comprehension (495 คะแนน) จำนวน 100 ข้อ ที่มีตั้งแต่ part 1 ถึง part 4 ที่ประกอบด้วย
- 1. Photographs (รูปภาพ)
- 2. Question-Response (การถาม-ตอบ)
- 3. Conversation (บทสนทนา)
- 4. Short Talks (บทพูดแบบสั้น)
Reading Comprehension (495 คะแนน) จำนวน 100 ข้อ มีตั้งแต่ part 5 ถึง part 7 ที่ประกอบด้วย
- 5. จะเป็น Incompleted Sentences (ประโยคใจความไม่สมบูรณ์)
- 6. จะเป็น Text Completion (เติมคำตอบในเนื้อเรื่อง)
- 7. จะเป็น Reading Comprehension (การอ่านเพื่อจับใจความ)
ผู้เรียนควรลองสอบ TOEIC เพื่อวัดได้ว่าตอนนี้การใช้ภาษาอังกฤษของตัวเองกำลังอยู่ในระดับไหน มีส่วนที่ต้องปรับตรงไหนบาง หรือสำหรับผู้ที่มั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษแล้วก็สามารถเข้าสอบเพื่อรับใบรับรองภาษาอังกฤษ ในระดับใดระดับหนึ่ง เพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในอนาคตที่มากขึ้น
คะแนน TOEIC เอาไปทำอะไรได้บ้าง?
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น คือคะแนนสอบ TOEIC สูงสุดคือ 990/200 ข้อสอบ ใช้เวลาสอบทั้งหมด 120 นาที โดยคะแนนจะบอกว่าคุณอยู่ในระดับไหน ดังนี้
- TOEIC 10-250 (0%-25%) : Basic Proficiency สามารถใช้ทักษะการสื่อสารระดับเบื้องต้นเพื่อเอาตัวรอดได้เท่าที่จำเป็น
- TOEIC 255-400 (26%-40%) : Elementary Proficiency ทักษะการใช้ภาษาในการสื่อสารอย่างจำกัด สามารถสนทนาได้เฉพาะแบบต่อหน้า เรื่องไม่ซับซ้อน
- คะแนน 405-600 (41%-60%) : Elementary Proficiency Plus สามารถเริ่มบทสนทนา และสื่อสารในการสนทนาแบบต่อหน้าทั่วๆ ไปได้อย่างจำกัด
- TOEIC 605-780 (61%-78%) : Limited Working Proficiency สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารทั่วๆ ไปได้ แต่อาจใช้ภาษาในบริบทการทำงานได้อย่างจำกัด
- คะแนน 785-900 (79%-90%) : Working Proficiency Plus สามารถทำงานได้ตามความต้องการ โดยใช้ภาษาที่เป็นที่ยอมรับ และมีประสิทธิภาพได้บ่อยครั้ง แต่ไม่เสมอไป
- TOEIC 905-990 (91%-100%) %) : International Professional Proficiency ทักษะความสามารถระดับสูง คุณสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์
ถ้าเรามีใบรับรองภาษาอังกฤษ จะดีมากสำหรับการทำงาน เพราะตอนนี้หลายบริษัทก็ระบุตำแหน่งที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ระดับ TOEIC เริ่มจาก 400-700 คะแนนเช่น
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) [EGAT] ตอนที่รับสมัครงานเฉพาะระดับป.ตรี/ป.โทได้ระบุตำแหน่งงานที่ต้องการใช้ TOEIC 550 คะแนน (แบบ Personal) และกำหนดด้วยว่าอายุคะแนนไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันที่สมัคร
- บริษัท Honda ตอนรับสมัครพนักงานของบางแผนกก็ต้องการมีคะแนน TOEIC 500-700 บริษัท Mitsubishi ระบุ คะแนน TOEIC 400-600
- บริษัท Toyota Toeic คะแนน TOEIC เริ่มจาก 550 ขึ้นไป
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้ายิ่งเราใช้ภาษาอังกฤษเก่ง ก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต หางานง่ายขึ้น และหมายถึงเงินเดือนที่สูงขึ้นตามมาด้วยนั่นเอง
เคล็คลับเด็ดสอบ Toeic ที่พลาดไม่ได้
คุณกำลังอยากหาวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ช่วยลดเวลาในการเรียน และยังได้ผลสอบออกมาดี แต่ไม่รู้จะหาที่ไหนได้เพราะข้อมูลเยอะแยะมากกมายไปหมด อย่ากังวลมากไปเพราะว่าวันนี้ Eng Breaking จะแนะนำให้คุณเคล็ดลับดี ๆ สำหรับไว้ใช้สำหรับการสอบ TOEIC ที่รับรองได้ว่าสอบผ่าน ได้คะแนนดี ๆ บรรลุเป้าหมายในการเรียนการสอบได้อย่างแน่นอน
#1. มีเป้าหมายชัดเจนว่าตัวเองอยากได้คะแนนเท่าไหร่
เรื่องที่เราตั้งเป้าหมายไว้จะทำให้เรามีแรงผลักดันมากขึ้นในระหว่างเวลาเรียน ไม่ท้อแท้ง่าย แต่ว่าก็ต้องตั้งเป้าที่เราสามารถทำได้ ถ้าสมมุติเรามีแค่สองเดือนโดยที่ตัวเองก่อนหน้านั้นไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษเราคงไม่สามารถตั้งเป้าได้คะแนนเต็ม หรือว่าปกติคุณสื่อสารได้ในระดับใดระดับหนึ่งแล้วคุณคงไม่ตั้งเป้าที่ต่ำกว่าคะแนน 600-700 เพราะว่าการตั้งเป้าที่ต่ำกว่าความสามารถของต้นเองเพราะมันจะทำให้คุณไม่พยายามตอนเรียนเพราะคิดว่าง่าย ๆ ไม่เรียนก็ทำได้แล้ว ความคิดแบบนั้นมักจะทำให้เราขาดความตั้งใจ เรียนจะเบื่อง่าย เรียนไปนานๆ แต่ไม่เห็นความพัฒนาของต้นเอง ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรคิดถึงเมื่อจะสมัครสอบคือตั้งเป้าให้อย่างเหมาะสมไว้ก่อน
#2. มีแผนการเรียนอย่างชัดเจน
เมื่อคุณมีเป้าหมายแล้วว่าอยากได้คะแนนสอบเท่าไหร่แล้ว ต่อไปก็วางแผนกำหนดเวลาเรียน อย่างเช่น หากใช้เวลาวันละสองถึงสามชั่วโมง คงต้องใช้ประมาณสองเดือนถึงสามเดือนเพื่อเรียนรู้และทบทวนทุกอย่างก่อนสอบเพื่อได้คะแนนได้ดีสุดความสามารถ
ตอนนี้ทั้งในอินเตอร์เน็ตและหนังสือต่างๆ ก็จะมีข้อสอบ TOEIC ให้คุณทดลองทำพร้อมคำเฉลยให้คุณเปรียบเทียบว่าตัวเองทำได้มากน้อยขนาดไหน ตรงไหนที่ยังทำไม่ดีเพื่อการจัดเวลาให้เหมาะสมมากที่สุด ถ้าคุณจะลังเลหรือไม่กระตือรือร้นในการค้นค้วาเพื่อการเรียนรู้ คุณจะยังอยู่จุดๆ เดิมตลอดไป จะตามคนอื่นไม่ทันแน่นอน
#3. จดจำคำศัพท์ ที่เจอบ่อยในข้อสอบ TOEIC
ข้อสอบ TOEIC เน้นทักษะการฟังและอ่านค่อยข้างเยอะดังนั้นผู้เรียนถ้าอยากสอบผ่านได้คะแนนดีจำเป็นต้องเสริมสร้างคลังศัพท์ของตัวเองให้ดีขึ้น เช่นเก็งศัพท์ที่มักจะเจอบ่อยๆ ในข้อสอบ ซึ่งเราได้รวบรวมมาดังนี้
คำศัพท์ | ความหมาย | ชนิดของคำ | การออกเสียง |
abroad | ในต่างประเทศ | adverb [ after verb ] | / əˈbrɔːd / |
achievement | ความสำเร็จ | noun [ C or U ] | / əˈtʃiːv.mənt / |
applicant | ผู้สมัคร | noun [ C ] | / Əp.lə.kənt / |
Assurance | การรับประกัน | noun | / Əʃɔː.r ə ns / |
Accommodate | จัดให้เหมาะสม | verb [ T ] | / əˈkɒm.ə.deɪt / |
Assure | ทำให้เชื่อมั่น | verb [ T ] | / əˈʃɔː r / |
Attract | ดึงดูดความสนใจ | verb | əˈtrækt / |
Attraction | การดึงดูด | noun | / Ətræk.ʃ ə n / |
Attractive | ความงาม, มีเสน่ห์ดึงดูด | adjective | / əˈtræk.tɪv / |
background | พื้นหลัง | noun | / ˈBæk.ɡraʊnd / |
balance | สมดุล | noun | / ˈBæl. ə ns / |
basic | ขั้นพื้นฐาน | adjective | / ˈBeɪ.sɪk / |
behave | ประพฤติ | verb [ I ] | / bɪˈheɪv / |
client | ลูกค้า, ผู้ซื้อ | noun [ C ] | / ˈKlaɪ. ə nt / |
Cancel | โมฆะ | verb | / Kæn.s ə l / |
Contract | สัญญา | noun [ C ] | / ˈKɑːn.trækt / |
Competition | การแข่งขัน | noun | / ˌKɑːm.pəˈtɪʃ. ə n / |
collaborate | ร่วมมือ, ทำร่วมกัน | verb [ I ] | / kəˈlæb.ə.reɪt / |
Convince | ทำให้เชื่อ, โน้มน้าว | verb [ T ] | / kənˈvɪns / |
Comparable | ที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ | adjective | / Kɑːm.pɚ.ə.b ə l / |
Determine | กำหนด, ระบุ | verb | / dɪˈtɝː.mɪn / |
demonstrate | อธิบาย, แสดงให้เห็น | verb | / ˈDem.ən.streɪt / |
dependence | การพึ่งพาอาศัยกัน | noun [ S or U ] | / dɪˈpen.dəns / |
degree | ระดับ | noun | / dɪˈɡriː / |
disturb | รบกวน | verb [ T ] | / dɪˈstɝːb / |
drawback | ข้อเสีย, ข้อด้อย | noun [ C ] | / ˈDrɑː.bæk / |
employment | การจ้างงาน | noun [ U ] | / ɪmˈplɔɪ.mənt / |
evaluate | ประเมิน | verb [ T ] | / ɪˈvæl.ju.eɪt / |
especially | โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, เป็นพิเศษ | adverb | / ɪˈspeʃ. ə l.i / |
generally | โดยทั่วไป, โดยส่วนมาก | adverb | / ˈDʒen. ə r. ə l.i / |
highly | อย่างมาก, อย่างสูง | adverb | / ˈHaɪ.li / |
inspection | การตรวจสอบ | noun | / inspek.ʃ ə n / |
introductory | ขั้นต้น, เบื้องต้น | adjective | / in.trəˈdʌk.t ə r.i / |
observe | สังเกต | verb | / əbˈzɝːv / |
Persuasion | การชักชวน, การโน้มน้าว | noun | / Pɚsweɪ.ʒ ə n / |
Productive | ที่อุดมสมบูรณ์ | adjective | / prəˈdʌk.tɪv / |
participation | การเข้าร่วม, การมีส่วนร่วม | noun | /pɑːrˌtɪs.əˈpeɪ.ʃən/ |
potential | เป็นไปได้, มีศักยภาพ | adjective | / Poʊten.ʃ ə l / |
precisely | อย่างแม่นยำ, เที่ยงตรง | adverb | / prəˈsaɪs.li / |
remarkable | ไม่ธรรมดา, โดดเด่น | adjective | / Rɪmɑːr.kə.b ə l / |
reimbursement | การชำระเงินคืน | adjective | / ˌRiː.ɪmˈbɝːs.mənt / |
qualified | มีคุณสมบัติเหมาะสม | noun | / ˈKwɑː.lə.faɪd / |
specialize | เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ | verb | / ˈSpeʃ.ə.laɪz / |
substitute | ตัวแทน, สิ่งแทน | verb | / ˈSʌb.stə.tuːt / |
throughout | ตลอดทั้ง | preposition, adverb | / θruːˈaʊt / |
valid | มีเหตุผล, ถูกต้อง, ใช้ได้ | adjective | / ˈVæl.ɪd / |
undertake | รับผิดชอบ, รับภาระ | verb | ˌɅn.dɚˈteɪk / |
workforce | แรงงาน, คนทำงาน | noun | / ˈWɝːk.fɔːrs / |
obviously | อย่างชัดเจน | adverb | / ˈⱭːb.vi.əs.li / |
official | เป็นทางการ | adjective | əˈfɪʃ. ə l / |
operation | การทำงาน | noun | / ˌⱭː.pəreɪ.ʃ ə n / |
original | เป็นต้นฉบับ | adjective | / əˈrɪdʒ. ə n. ə l / |
overtime | ล่วงเวลา | adverb, noun | / ˈƏʊ.və.taɪm / |
#4. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าสอบ TOEIC ในพาร์ทฟัง
ลองทำข้อสอบบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ เป็นวิธีที่สุดเจ๋งช่วยคุณได้คะแนนเต็มในการสอบพาร์ทฟัง ในหนึ่งวันคุณก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงสำหรับการฝึกฟัง ฟังตั้งแต่บทความสั้น ๆ เหมาะกับความสามารถของตัวเอง จากนั้นฝึกฟังบทความยาวขึ้นยากขึ้นเพื่อฝึกหัดจับใจความหมายและเรียนรู้คำศัพท์ใหม่เพิ่มเติม
ส่วนใหญ่ผู้เรียนจะพลาดข้อสอบฟังเพราะฟังไม่ออกว่าคนกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร ปัญหามักเกิดจากสองอย่างคือขาดคำศัพท์ใหม่และไม่คุ้นกับสำเนียง เมื่อออกเสียงผิด เลยแยกไม่ออกว่าคำตอบไหนจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวการสอบฟังให้ดีที่สุดคุณก็ต้องออกเสียงตามตอนฝึกฟังให้เป็น เพราะวิธีนี้จะช่วยคุณจำศัพท์ได้นาน ออกเสียงได้ถูกต้อง สามารถฟัง้ขอสอบและตอบคำถามได้แน่นอน
จับคีย์เวิร์ดให้เป็น คือหลักสำคัญของการทำข้อสอบฟัง เราไม่จำเป็นต้องฟังได้ทุกคำ แต่เราฟังแล้วจับคีย์เวิร์ดแล้วตีความหมายของบทฟังว่ากำลังสื่อถึงเรื่องอะไร จากนั้นเราจะหาได้คำตอบที่ถูกต้อง แต่ในเวลาสอบจะไม่มีเวลาให้คุณมานั่งเขียนจับใจความ ดังนั้นเราต้องฝึกฟังให้จับใจความได้เร็วเพื่อจะได้ไม่เสียจังหวะการฟังข้อต่อไป
#5. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าสอบเพื่ออัพคะแนน TOEIC Reading
ตามประสบการณ์ของผู้เรียนที่เคยสอบ TOEIC ผ่านโดยเฉพาะคะแนนข้อสอบอ่านเราจะควรแบ่งเวลาให้เหมาะสมก่อนเช่น สำหรับ Part 1 กับ 2 ไม่ควรใช้เวลาเกิน 1 นาทีเพราะเป็นประโยคสั้น ๆ ส่วน Part 3 กับ 4 ไม่ควรใช้เวลาเกิน 2 นาทีต่อข้อ และสามารถเลือกข้อไหนที่มีศัพท์คุ้น ๆ มาทำก่อนได้ ดังนั้นการฝึกจึงสำคัญมาก
ถ้าอยากได้คะแนนข้อสอบอ่านเต็ม ๆ ต้องมั่นใจในการใช้ไวยากรณ์พื้นฐานก่อน เช่นอะไรเป็น noun , adjective อะไรเป็น adverb ในประโยคเพื่อเลือกคำที่ถูก และเข้าใจรูปแบบประโยค และสามารถหาคำตอบได้
อย่าแปลทั้งหมดเพราะจะไม่มีเวลาให้คุณทำข้อสอบ ถ้าแปลหมดจะเสียเวลามาก ๆ ข้อไหนยังไม่เข้าใจ ให้เว้นเอาไว้ก่อน และทำข้อที่มั่นใจ ส่วนท้ายๆของข้อสอบ อ่านก็มักจะเป็น Reading part ที่คุณจะต้องอ่านบทความสั้น ๆ บทหนึ่งแล้วเลือกคำตอบขึ้นอยู่กับเนื้อหาของบทความนั้นถ้าส่วนนี้เราอ่านเร็วไป อาจจะพลาดได้ เพราะข้อสอบส่วนนี้มักจะใช้เนื้อหารายละเอียดที่หลอกล่อให้เราเข้าใจผิด ต้องระมัดระวังและอ่านให้แน่ใจ โดยหลัก ๆ ดูเนื้อหาประโยคแสดงคำถาม Who, Why, How, What, Where จากนั้นจะเข้าใจว่าคำตอบจะต้องเป็นรูปแบบไหน
คุณอาจต้องการที่จะเห็น: เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ไม่ควรพลาด ช่วยให้คุณเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ครบทั้ง 4 ทักษะ
ติว TOEIC ที่ไหนดี เรียนรู้ด้วยตัวเองได้ไหม?
จริงๆ การสอบจะไม่ยากอย่างที่คิดแต่ผู้เรียนมักจะรู้สึกเบื่อถ้าต้องฝึกหัดและเรียนเพียงคนเดียว ดังนั้นถ้าคุณเรียนรู้ด้วยตัวเองที่บ้านแต่ยังอยากมีเพื่อนเพื่อฝึกทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษ หรือกำลังมองหาวิธีการเรียนเพื่อสอบได้คะแนนสูงสามารถเข้าเว็บไซน์การเรียนการสอนภาษอังกฤษออนไลน์เรียนได้ทุกที่ทุกเวลากับ Eng Breaking
คุณสามารถเรียนภาษอังกฤษด้วยตัวเองได้แน่นอน แต่การเรียนน่าจะใช้เวลามากไปหน่อยสำหรับการค้นหาข้อมูลเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แต่ถ้าคุณเลือกเรียนออนไลน์กับ EngBreaking.co.th คุณจะมีเพื่อนร่วมเรียนเป็นกลุ่มหลายคน มีอาจารย์ผู้สอนที่ช่วยคุณตลอดระหว่งการเรียนและหลังการเรียนถ้าคุณยังไม่เข้าใจตรงไหนก็สามารถสอบถามได้ตลอดเวลา
การเรียนรู้ต้องมีแนวทางอย่างถูกต้อง ผู้เรียนที่เรียนตามแนวทางที่เหมาะกับตัวเองจะบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้นและทางเราก็จะมีการอัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด! เพื่อติวให้คุณสอบได้คะแนนสูงช่วยในด้านการทำงานและการเรียนได้ผลอย่างแน่นอน
นอกจากมีแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วผู้เรียนทุกคนอย่าลืมรักษาสุขภาพให้ดี ๆ ก่อนเวลาสอบอย่านอนดึก หรืออย่ากินอาหารแสลง ของเผ็ดๆ หรืออะไรที่เสี่ยงต่อการปวดท้อง ท้องเสีย สี่งที่ต้องการทำตอนนี้คือเรียนรู้ตามแผนที่ทางเราแนะนำ เตรียมเอกสารครบ และอยู่ในสภาพร่างกายที่พร้อมเข้าสอบด้วยEngBreaking จะเป็นเพื่อนที่ติดตามและช่วยคุณบรรลุเป้าหมายของตัวเองในการสอบ TOEIC ได้คะแนนสูงสุดความสามารถ โดยวิธีการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์พร้อมแบบฝึกหัดที่อัปเดตใหม่ตลอดเวลา รับรองว่าผู้เรียนทุกคนจะสำเร็จกับการเรียนภาษาอังกฤษอย่างแน่นอน เราเชื่อว่าคุณจะทำได้และจะเป็นคนต่อไปที่ได้รับใบรับรองภาษาอังกฤษ ถ้าเห็นบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณอย่าลืมกดไลน์และแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณได้ทราบด้วยเคล็ดคลับเด็ดช่วยการสอบ TOEIC ได้คะแนนเต็มนะคะ
ไม่พลาดกับบทความนี้: ความผิดพลาดในการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง
reimbursement เป็น Noun
qualified เป็น Adj. ค่ะ
รบกวนแก้ไขในเว็ปให้ถูกต้อง แก่ประโยชน์คนถัดไปที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ ที่ถูกต้องด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ