ฝึกอ่านภาษาอังกฤษอย่างไงให้สปีดได้ดีขึ้นอย่างก้าวหระโดด

ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ – โดยทั่วผู้เรียนจะไม่ให้ความสำคัญกับการฝึกอ่านภาษาอังกฤษเท่ากับทักษะอื่น ๆ เสมอเพราะมักถูกมองว่าเป็นทักษะที่สามารถปรับปรุงได้ที่หลัง แต่หากมีทักษะในการอ่านคุณจะทำข้อสอบถูกต้องอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูง

Eng Breaking จะพาคุณมาเรียนรู้เพิ่มเติมพร้อมร่วมค้นหาวิธีการฝึกภาษาอังกฤษที่จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการฝึกอ่านภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้า ด้วยเทคนิคการเติมคลังคำศัพท์ให้ไวเพื่อที่จะได้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้คล่อง รวมทั้งวิธีเร่งสปีดการอ่านภาษาอังกฤษของคุณให้สามารถเร่งการอ่านได้อย่างที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน ถ้าหากพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันได้เลย

1- วิธีการเพิ่มความเร็วในการอ่าน

ฝึกฝนวันละน้อย

ทักษะหลายอย่างที่จำเป็นต่อเพิ่มความเร็วในการอ่านเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนทุกวันจนกระทั่งคุณสามารถทำได้อย่างเป็นปกติ การฝึกเพียงแค่วันละ 15-20 นาทีก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นว่าคุณฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นแล้ว

  • การฝึกฝนนี้ต้องใช้เวลาเพราะคุณต้องเริ่มเรียนรู้วิธีการอ่านแบบใหม่ ๆ ดังนั้นคุณต้องอดทนหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอจนกว่าจะเริ่มเห็นผล
  • วิธีง่าย ๆ ในการดูความก้าวหน้าของคุณก็คือ การจับเวลาเมื่อคุณอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ลองจับเวลาดูและดูว่าคุณอ่านไปได้กี่คำในเวลาหนึ่งนาที ยิ่งคุณฝึก คุณก็จะยิ่งเห็นว่าคุณอ่านได้มากขึ้น

เริ่มฝึกจากสิ่งที่อ่านได้ง่าย ๆ ก่อน

 หาสิ่งที่คุณสนใจและสนุกรวมทั้งอ่านได้ง่ายเมื่อคุณเริ่มฝึกอ่าน แล้วค่อยไปลองอ่านอะไรที่ยากขึ้นเมื่อคุณเริ่มอ่านได้เร็วขึ้นแล้ว

  • ลองเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษท่องเที่ยวหรือบันทึกของคนดังก่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี หากคุณเริ่มจากอะไรที่ยากอย่างเช่น ตำราสอนฟิสิกส์ คุณก็อาจจะท้อไปซะก่อนจะเห็นผล
  • เมื่อคุณเริ่มรู้ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษแบบเร็วแล้ว คุณก็อาจจะเริ่มอ่านหนังสือที่ยาวขึ้น ซับซ้อนขึ้น และคุณก็สามารถประยุกต์เอาวิธีที่คุณถนัดมาใช้ในการอ่านได้รวมถึงการหาส่วนสำคัญในหนังสือ

ใช้นิ้วหรือปากกาช่วยระหว่างที่อ่าน

เพื่อช่วยให้คุณรู้ว่ากำลังอ่านถึงตรงไหนจะได้ไม่ต้องกลับไปอ่านซ้ำและยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย

ถ้าคุณขยับปากกาหรือนิ้วให้เร็วขึ้น คุณก็จะบังคับให้ตัวเองอ่านเร็วขึ้นไปด้วย ทำให้คุณสามารถกำหนดความเร็วในการอ่านของคุณได้

ฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้นานขึ้นเพื่อพัฒนาสมาธิของคุณ

สมองของคุณต้องการเวลากว่าจะปรับเข้ากับจังหวะของการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเมื่อคุณเพิ่งเสร็จจากการทำกิจกรรมอะไรที่ต้องใช้ความกระตือรือร้นมากกว่า กระตุ้นตัวเองให้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้ได้อย่างน้อย 15 นาทีในแต่ละครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าสมองมีเวลาในการปรับการมุ่งเน้นของมัน

  • ยิ่งฝึกไปคุณก็จะยิ่งพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ
  • ถ้าจำเป็นจะพักบ้างก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก

ปรับทัศนคติของคุณที่มีต่อการอ่านหนังสือ

 นอกจากการใช้เทคนิคช่วยในการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแล้ว คุณควรจะปรับทัศนคติต่อการฝึกอ่านภาษาอังกฤษหนังสือด้วย

  • แทนที่จะคิดว่าการฝึกอ่านภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ คุณควรคิดว่าการอ่านเป็นโอกาสที่จะทำให้คุณได้ความสนุกและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
  • ไม่ว่าสิ่งที่คุณฝึกอ่านภาษาอังกฤษจะเกี่ยวกับอะไรก็ตาม ตราบใดที่คุณเปิดใจและมีความอยากรู้ในเรื่องนั้น ๆ คุณจะอ่านสิ่งนั้นด้วยความสนุกและฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น

รู้ว่าส่วนไหนที่คุณควรฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้ช้าลง

แม้ว่าการฝึกอ่านภาษาอังกฤษเร็วจะเป็นสิ่งที่ดี แต่บางอย่างก็ต้องใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจบ้าง ดังนั้นบางครั้งคุณก็จำเป็นต้องอ่านให้ช้าลง

  • การฝึกอ่านภาษาอังกฤษเร็วจะไม่ช่วยอะไรเลยถ้าคุณอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือไม่ได้ข้อมูลใด ๆ จากการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ดังนั้นอีกทักษะหนึ่งที่คุณควรฝึกไว้ก็คือการรู้ว่าส่วนไหนที่คุณควรให้เวลากับมัน
  • นอกจากนี้ยังมีงานเขียนบางประเภทที่คุณไม่ควรจะฝึกอ่านภาษาอังกฤษเร็วจนเกินไป เช่น นิยาย วรรณกรรมคลาสสิก บทกลอนหรือบทละครเป็นต้น งานเขียนเหล่านี้เป็นงานเชิงศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ซึ่งทุกคำในงานเขียนนั้นจำเป็นจะต้องฝึกอ่านภาษาอังกฤษและวิเคราะห์ไปด้วย คุณจะเห็นคุณค่าของงานเขียนประเภทนี้น้อยลงมากหากคุณอ่านเร็วเกินไป

ดูเพิ่ม:

2- วิธีการแก้นิสัยเสียในการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ

Reading is the key to learning

หลีกเลี่ยงการอ่านแบบออกเสียงในหัวไปด้วย

หลายคนชอบอ่านหนังสือแบบอ่านออกเสียงไม่ว่าจะเป็นการขยับปากไปตามคำที่อ่านหรือนึกเสียงของคำนั้น ๆ ในหัวก็ตาม ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่มีผลทำให้คุณอ่านหนังสือได้ช้าลง

แม้ว่าการอ่านออกเสียงจะเป็นวิธีที่ได้ผลในการสอนให้เด็กอ่านหนังสือ วิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้คุณอ่านได้เร็วขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าการอ่านออกเสียงแบบนี้จะทำให้คุณฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้เร็วเท่าที่คุณสามารถออกเสียงออกมาได้ ซึ่งมักไม่ได้เร็วนัก

ถ้าคุณสามารถฝึกอ่านภาษาอังกฤษแบบไม่ออกเสียงเลยได้ คุณจะอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว คุณอาจจะลองหาวิธีที่ทำให้ปากของคุณไม่ว่างอย่างเช่น

เคี้ยวหมากฝรั่งหรือฮัมเพลง หรือวิธีอื่น ๆ ตามที่คุณสะดวก สำหรับวิธีการหลีกเลี่ยงการออกเสียงในหัวนั้นทำได้ยากกว่า แต่ก็ทำได้โดยการตั้งใจฝึกอ่านภาษาอังกฤษและการฝึกสมาธิในการอ่าน

หลีกเลี่ยงการฝึกอ่านภาษาอังกฤษแบบคำต่อคำ

การฝึกอ่านภาษาอังกฤษแบบนี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้ช้าลงอย่างมาก ทางที่ดีคุณควรลองอ่านเป็นกลุ่มคำหรือเป็นประโยค

ตัวอย่างเช่น คนที่อ่านหนังสือไม่คล่องจะอ่านประโยคที่ว่า “The young man bought a book” เป็น “The+young+man+bought+a+book” ซึ่งเป็นการแยกการฝึกอ่านภาษาอังกฤษทีละคำ

แต่สมองของเรามีความสามารถที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง คือ สามารถเติมข้อมูลให้ประโยคมีความหมายได้เอง โดยไม่ต้องรู้ทุกคำในประโยค

ดังนั้น หากคุณฝึกสมองของคุณให้ประมวลผลประโยคที่ว่า “The young man bought a book” เป็นประโยคที่มีคำสำคัญคือคำว่า “book” และคำว่า “young man” แล้วปล่อยให้สมองของคุณเติมคำลงในส่วนที่เหลือเอง

วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าใจประโยคได้เหมือนเดิม โดยที่จำนวนคำที่คุณต้องฝึกอ่านภาษาอังกฤษจะน้อยลงไปถึง 50% ซึ่งช่วยให้การอ่านของคุณเร็วขึ้นอย่างชัดเจน

ฝึกการใช้สายตาให้เหมาะสม

เมื่อเราเริ่มหัดอ่านหนังสือ เรามักจะถูกสอนให้มองเป็นคำ ๆ แต่ตาของเราสามารถมองได้มากกว่าคำ ๆ เดียว โดยทำได้มากถึงสี่ถึงห้าคำในคราวเดียว ดังนั้นการอ่านโดยมองทีละคำจะทำให้การฝึกอ่านภาษาอังกฤษของคุณช้าลงอย่างแน่นอน

  • พยายามผ่อนคลายใบหน้าของคุณและลดการจ้องลงเวลาที่คุณอ่านหนังสือ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้มากกว่าหนึ่งหน้าในคราวเดียว พยายามมองอย่างน้อยทีละ 4 คำ ก่อนจะขยับสายตาเพื่อมองกลุ่มคำถัดไป
  • นอกจากนี้แล้ว คุณยังควรที่จะลองฝึกอ่านภาษาอังกฤษโดยการใช้มุมสายตาของคุณด้วยขณะที่คุณอ่าน เพราะจะทำให้คุณสามารถอ่านจนจบประโยคได้โดยไม่ต้องปรับการมองบ่อย ๆ ทำให้ประหยัดเวลาได้

หลีกเลี่ยงการฝึกอ่านภาษาอังกฤษซ้ำความเดิม

การฝึกอ่านภาษาอังกฤษซ้ำความเดิมคือการอ่านประโยคหรือส่วนหนึ่งของประโยคเดิมซ้ำสองหรือสามรอบไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แน่นอนว่าการอ่านซ้ำเช่นนี้จะทำให้คุณเสียเวลาในการอ่านมากขึ้น โดยแทบไม่ได้ช่วยคุณให้เข้าใจหนังสือได้มากขึ้นเลย

  • บางคนฝึกอ่านภาษาอังกฤษซ้ำเพราะว่าจำไม่ได้ว่าอ่านไปถึงตรงไหนแล้ว จึงต้องกลับไปหาประโยคที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่ต้นย่อหน้า คุณสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้ได้โดยใช้นิ้วมือ ปากกาหรืออื่น ๆ เพื่อชี้จุดที่คุณอ่านอยู่
  • คนอีกส่วนหนึ่งฝึกอ่านภาษาอังกฤษซ้ำเพราะรู้สึกว่ายังไม่เข้าใจความหมายของประโยคจริง ๆ ในการอ่านรอบแรก
  • สิ่งที่คุณควรทำคือ คุณต้องมั่นใจว่าคุณตั้งใจอ่านจริง ๆ ตั้งแต่การฝึกอ่านภาษาอังกฤษในครั้งแรกเพราะการอ่านหนังสือควรเป็นกิจกรรมที่คุณให้ความสนใจไม่ใช่อ่านแบบผ่าน ๆ ดังนั้นหากเราตั้งใจอ่านตั้งแต่รอบแรกแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องอ่านอะไรซ้ำอีก

นอกจากนี้คุณยังควรคิดว่าข้อมูลที่คุณอ่านอยู่นั้นสำคัญพอหรือไม่ที่จะกลับไปฝึกอ่านภาษาอังกฤษซ้ำ หากคุณเข้าใจใจความสำคัญของประโยคหรือย่อหน้านั้น ๆ แล้ว (แม้ว่าคุณจะไม่ได้อ่านครบทุกคำก็ตาม) การกลับไปอ่านซ้ำอีกก็จะทำให้คุณเสียเวลา

หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนขณะอ่านหนังสือ

หลายคนอ่านหนังสือได้ช้าเพียงเพราะพยายามอ่านหนังสือในสถานที่ที่ไม่เหมาะแก่การอ่าน หากคุณต้องการจะอ่านได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจสิ่งที่คุณอ่าน คุณต้องกำจัดสิ่งรบกวนทั้งภายในและภายนอกออกไป

อย่าพยายามอ่านในที่ที่มีเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงคนพูดคุยกัน เสียงโทรทัศน์หรือเสียงวิทยุก็ตาม คุณจะไม่มีสมาธิในการอ่าน

ซึ่งทำให้คุณต้องกลับไปอ่านซ้ำหรือใช้วิธีการอ่านออกเสียงเพื่อให้คุณเข้าใจสิ่งที่คุณอ่าน

คุณควรอ่านในที่ที่เงียบเพราะจะทำให้คุณจดจ่ออยู่กับการอ่านได้ง่ายขึ้น อย่าพยายามทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

คุณยังควรจะพยายามกำจัดสิ่งรบกวนภายในอย่างเช่น การคิดถึงปัญหาที่ทำงานหรือคิดว่าคุณจะกินอะไรเย็นนี้ การกำจัดสิ่งรบกวนเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยากเรื่องหนึ่ง คุณต้องมีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งที่คุณอ่าน แต่หากคุณทำได้ คุณจะอ่านหนังสือได้เร็วมากขึ้นมาก

ดูเพิ่ม:

3- ปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

ทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณอ่านคร่าว ๆ ก่อน

วิธีหนึ่งที่ทำให้คุณอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นคือการเข้าใจสิ่งที่คุณอ่านคร่าว ๆ ก่อนเริ่มลงมืออ่านจริง วิธีนี้ทำให้คุณพอจะรู้ว่าสิ่งที่คุณอ่านเกี่ยวกับอะไรรวมถึงยังช่วยให้คุณตัดสินใจได้ด้วยว่าสิ่งที่คุณจะอ่านนั้นน่าสนใจพอที่จะอ่านทั้งหมดเลยไหม

  • การทำความเข้าใจคร่าว ๆ นั้น อาจทำได้โดยลงอ่านย่อหน้าแรกทั้งย่อหน้า ฝึกอ่านภาษาอังกฤษประโยคแรกของย่อหน้าถัดมาและอ่านย่อหน้าสุดท้ายทั้งหมด
  • ระหว่างย่อหน้าที่คุณฝึกอ่านภาษาอังกฤษคร่าว ๆ นี้ ให้ลองดูหัวข้อหรือคำที่เน้นไว้ด้วย การทำแบบนี้อาจจะไม่ได้ช่วยให้คุณรู้รายละเอียดทั้งหมด แต่จะช่วยให้คุณบอกได้ว่าส่วนสำคัญที่สุดอยู่ตรงไหน ซึ่งคุณอาจจะลองกลับไปอ่านเพิ่มอีกเล็กน้อยได้ด้วย
  • เทคนิคนี้เหมาะสำหรับหนังสือที่คุณไม่คุ้นเคย หนังสือที่ยาวหรือมีเนื้อหาที่ยาก 

ลองมองหาคำสำคัญในหนังสือ

อีกเทคนิคหนึ่งที่สำคัญคือการกวาดตาอ่านหนังสือแล้วหาคำสำคัญ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่คุณอ่านในเบื้องต้นได้โดยไม่เสียเวลาอ่านรายละเอียดสำคัญทั้งหมด

เช่น ประโยคที่ว่า “สิงโตที่น่าเกรงขามกำลังซุ่มล่ากวางที่ไม่ทันระวังตัว” ประโยคนี้เราไม่จำเป็นต้องฝึกอ่านภาษาอังกฤษทุกคำเพื่อให้เข้าใจความหมาย

เราสามารถอ่านเฉพาะคำสำคัญในประโยคซึ่งก็จะได้ความว่า “สิงโตล่ากวาง” ซึ่งเป็นใจความสำคัญของประโยคทำให้เราเข้าใจความหมายได้เช่นกัน

เพียงทำตามวิธีนี้คุณก็จะประหยัดเวลาการอ่านของคุณไปได้กว่าครึ่งหนึ่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับการอ่านเนื้อหาที่สั้นและไม่ยาก เช่น บทความในนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์

ฝึกอ่านภาษาอังกฤษประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของทุกย่อหน้า

หากคุณอ่านบทความ หนังสือหรืองานวิจัยเพื่อหาข้อมูล วิธีนี้ก็เหมาะสมที่จะนำไปปรับใช้ โดยเฉพาะเมื่อคุณอ่านสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว

  • งานเขียนประเภทให้ความรู้หรือสารคดีหลายชิ้นมักจะมีการซ้ำคำอยู่บ่อย ๆ รวมถึงมีการอธิบายคำศัพท์หรือแนวคิดพื้นฐานที่ละเอียด ถ้าคุณเข้าใจแนวคิดนั้น ๆ แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องฝึกอ่านภาษาอังกฤษทุกบรรทัด
  • วิธีนี้ก็ใช้กับบทความในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารได้เช่นกัน หากคุณต้องการดูเนื้อหาคร่าว ๆ คุณก็สามารถเลือกที่จะอ่านแค่ประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้า ซึ่งก็จะทำให้คุณรู้เนื้อหามากพอสมควร

อ่านข้ามในจุดที่คุณรู้อยู่แล้ว

หากคุณกำลังเพิ่มความเร็วในการฝึกอ่านภาษาอังกฤษของคุณ คุณควรจะฝึกอ่านข้ามข้อมูลที่คุณรู้หรือเข้าใจอยู่แล้ว เพราะการอ่านส่วนที่คุณเข้าใจอยู่แล้วไม่จำเป็นมากนัก

คุณสามารถเลือกว่าส่วนไหนที่คุณควรอ่านโดยการมองหาคำสำคัญหรืออ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าทุกย่อหน้า วิธีนี้จะทำให้คุณเข้าใจว่าเนื้อหาที่คุณกำลังจะอ่านเกี่ยวกับอะไรและคุณควรจะอ่านหรือไม่

วิธีนี้ยังใช้ได้กับสิ่งที่คุณไม่ได้สนใจ เช่น ถ้าคุณกำลังอ่านบันทึกส่วนตัวหรือบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ คุณก็สามารถอ่านข้ามในส่วนที่คุณไม่ได้สนใจได้ วิธีนี้อาจจะขัดกับวิธีการฝึกอ่านภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไป แต่ก็จะช่วยประหยัดเวลาและยังช่วยให้คุณอยากฝึกอ่านภาษาอังกฤษต่อไปได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม คุณก็ไม่ควรรู้สึกแย่ที่จะไม่อ่านหนังสือที่คุณอ่านแล้วไม่สนุกหรือฝึกอ่านภาษาอังกฤษแล้วไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มเติม

หนังสือหลายเล่มก็ไม่ได้เขียนได้ดีหรืออธิบายแนวคิดได้ไม่เข้าใจนัก

ลองฝึกอ่านภาษาอังกฤษไปประมาณ 10% ก่อนแล้วถ้าคุณคิดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคุณ ก็เปลี่ยนไปอ่านเล่มอื่นได้เลย

วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาและทำให้คุณได้ประโยชน์จากการอ่านมากขึ้นด้วย

แปลคำที่คุณสงสัยให้เป็นภาษาที่คุณถนัด

เพื่อให้เริ่มจำคำให้ได้หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถเร่งสปีดการฝึกอ่านภาษาอังกฤษของคุณได้รวดเร็วคือการแปลคำที่คุณสงสัยและต้องการรู้เป็นภาษาของคุณก่อนเพื่อที่จะให้ทราบความหมายและจำคำที่คุณสงสัยได้ 

จดจำคำศัพท์เป็นภาพ

เชื่อหรือไม่ว่าการจดจำคำเป็นภาพนั้นมีประโยชน์มากเพราะจะช่วยให้คุณไม่ลืมได้ง่าย อีกทั้งยังจะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

อีกส่วนสำคัญของการจำเป็นภาพคือ การจำเป็นภาพนั้นจะช่วยให้คุณไม่ลืมง่าย เพราะด้วยการจำเป็นภาพนั้นคล้ายกับการจำเรื่องราวต่างๆ

และเมื่อถึงเวลาที่คุณจำเป็นต้องใช้คำต่างๆ รวมถึงรูปแบบประโยคในการสื่อสารแล้ว คุณเองก็สามารถที่จะสื่อสารได้อย่างลื่นไหล

ลองดูคำเดิมในประโยคใหม่ที่ได้จากการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

หนึ่งในวิธีการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งได้อย่างรวดเร็วก็คือ การที่คุณสามารถที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณผ่านการทดลองจริง

เพราะรูปแบบการสื่อสารส่วนใหญ่นั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่การสื่อสารด้วยประโยคเดิมๆ เท่านั้น ดังนั้นฝึกสังเกตภาษาอังกฤษจากรูปแบบประโยคที่ได้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษมาก็จะช่วยให้คุณสามารถเปิดมุมมอง และความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ใหม่ได้ไม่ยาก

สร้างรูปแบบและวิธีการจดจำคำศัพท์

รู้หรือไม่ว่าคำศัพท์ส่วนใหญ่ที่คุณพบเจอนั้นเมื่อมักจะเป็นคำศัพท์ซ้ำๆ ดังนั้นเมื่อคุณอ่านหนังสือประเภทเดิมบ่อยครั้ง คุณก็จะสามารถจำคำศัพท์หรือกลุ่มคำศัพท์เดิมๆ ได้ไม่ยาก แต่สิ่งสำคัญคือการที่คุณพัฒนาการจดจำคำศัพท์ต่างๆ

ด้วยการสร้างรูปแบบการจดจำที่เป็นหมวดหมู่เช่น คุณอ่านหนังสือแนวธุรกิจ หรือเชิงการตลาด ก็จดจำคำศัพท์ และกลุ่มคำเหล่านั้นไว้ พร้อมลองสังเกตให้ดี คำเหล่านั้นก็มักจะถูกนำมาใช้บ่อยครั้งโดยนักเขียนอยู่เป็นประจำ 

มีวินัย อดทน และฝึกฝน

พูดได้คำเดียวว่าการที่คุณจะเก่งภาษาอังกฤษได้ ไม่มีทางลัดใดที่สามารถช่วยคุณได้ จะมีก็แค่แนวทางที่จะช่วยให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จได้เท่านั้น ดังนั้นคุณจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฝึกฝนด้วยความอดทน และมีวินัยในการเรียนรู้ให้สม่ำเสมอ เพียงเท่านี้เส้นทางความสำเร็จก็อยู่เพียงแค่เอื้อม

อีกหนึ่งวิธีที่คุณจะสามารถพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วคือการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษโดยตรง

เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยคุณประหยัดทั้งเวลาและเงินที่ต้องใช้ในการพัฒนาภาษาอังกฤษแล้ว คุณยังจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษในแนวทางที่เรียกได้ว่าผ่านการวิจัยมาอย่างดีแล้ว

Eng Breaking แนะนำ 10 หนังสือภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาดีและเข้าใจง่ายช่วยฝึกสปีดการฝึกอ่านภาษาอังกฤษของคุณ

ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

1. Charlotte’s Web – E.B. White

แนวนิยายที่น่ารัก สามารถฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้ทุกกลุ่มอายุ อีกทั้งยังเป็นหนังสือในหลักสูตรของโรงเรียนนานาชาติหลายๆ แห่งทั่วโลก รับประกันได้ว่าเจ้าของภาษาเองต้องเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

2. Mieko and the Fifth Treasure – Eleanor Coerr

หนังสือเล่มนี้อาจไม่ค่อยโด่งดังนักแต่ก็อยู่ในลิสต์หนังสือแนะนำเลยล่ะ เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเพียง 77 หน้า ฝึกอ่านภาษาอังกฤษง่าย และเหมาะสำหรับผู้หัดเรียนภาษาอังกฤษ และได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กัน

3. The Outsiders – S.E. Hinton

นวนิยายสั้นเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง มีเนื้อหาที่ทันสมัยตรงใจวัยรุ่น ใช้ประโยคสั้นๆ เนื้อหาสนุก สามารถฝึกอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจได้อย่างง่าย

4. The House On Mango Street – Sandra Cisneros

สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับหนังสือเล่มนี้นั่นคือมันถูกเล่าเรื่องจากมุมมองของนักเขียนเอง ผู้อ่านสามาถเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละครหลักได้อย่างง่ายดาย รวมถึงบริบทความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาษาที่ใช้ยังเข้าใจง่าย พร้อมได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ อีกด้วย

5. Thirteen Reasons Why – Jay Asher

เรื่องราวในหนังสือเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไวยากรณ์ คำศัพท์ และประโยคที่ใช้จึงค่อนข้างเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษทุกคน และยังเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลจาก NY Times อีกด้วย รับรองว่าคุ้มค่าแก่การฝึกอ่านภาษาอังกฤษแน่นอน

6. Peter Pan – J.M. Barrie – ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จัก Peter Pan กันดีอยู่แล้ว ซึ่งนั่นยิ่งทำให้การฝึกอ่านภาษาอังกฤษง่ายเข้าไปอีกจากการคุ้นเคยเนื้อหา เพราะทำให้อ่านได้ลื่นขึ้น ไม่ติดขัด สร้างความเพลิดเพลินในอีกรูปแบบหนึ่งอีกด้วย

7. The Old Man and the Sea – Ernest Hemmingway

เป็นหนังสือคลาสสิกและมีชื่อเสียงสุดๆ เจ้าของภาษาส่วนใหญ่มักจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้ในหลักสูตรขณะเรียน จึงเป็นหนังสือที่ดีหากอยากคุยหัวข้อด้านวรรณกรรมกับเจ้าของภาษา ทั้งนี้บางจุดอาจมีคำศัพท์ที่ยากบ้างแต่ก็เป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้ศัพท์

8. The Giver – Lois Lowry – ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

อีกหนึ่งหนังสือที่น่าสนใจ และดึงดูดผู้อ่านตั้งแต่เริ่มต้น หนังสือใช้หลักไวยากรณ์ที่เข้าใจง่ายและสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ประโยคยังสั้นๆ และไม่มีความซับซ้อน จึงทำให้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษได้อย่างเพลิดเพลินและจบในเวลาอันสั้น

9. Number the Stars – Lois Lowry

นี่คือนวนิยายที่สมจริงและอ้างอิงจากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ที่ถูกเขียนให้เข้าใจง่าย โดยเฉพาะผู้ที่สนใจในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเป็นการนำเนื้อหาในประวัติศาสตร์มาเขียนเป็นนวนิยายได้สนุกสุดๆ

10. A Wrinkle In Time – Madeleine L’engle

เป็นหนังสือที่มีทั้งประโยคสั้นๆ และประโยคยาวๆ หนังสือยังมีเนื้อหาที่ฝึกอ่านภาษาอังกฤษง่าย สร้างความผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีคำศัพท์มามายให้เรียนรู้ อย่าลืมพกสมุดจดศัพท์ติดตัวไว้ขณะฝึกอ่านภาษาอังกฤษด้วยล่ะ


ไม่พลาดกับบทความนี้:

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

ความคิดเห็น 635 รายการ
 
  • Sudarat Manee

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Mik Jakkaphat

    เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Soda Sodaaa

    เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ

    ถูกใจ ตอบกลับ20 ชั่วโมง
  • RueThaiRut

    เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ

    ถูกใจ ตอบกลับ2 นาที
  • เจมส์ ธีรพงศ์

    มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Cat Catt

    ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Meawww Jhaa

    เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?

    ถูกใจ ตอบกลับ5 ชั่วโมง
  • Naphawan MeeJaiii

    นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!

    ถูกใจ ตอบกลับ15 นาที
  • GotCha

    ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ป๋อง ฤทธิเดช

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ดวงใจ มาเต็ม

    เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • หนูน้อย หมวกแดง

    เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *