ฝึกพูดภาษาอังกฤษจะยากไหมถ้าเราเรียนแค่คนเดียว ? ไม่มีเพื่อนต่างชาติ ไม่มีสิ่งแวดล้อมจะฝึกพูดได้ยังไง ออกเสียงถูก ผิดจะมีใครช่วยเราแก้ได้บ้าง วันนี้เราจะมาเผย 10 วิธีสำหรับการฝึกทักษะการพูดภาษาอังกฤษเองรับรองว่าเจ๋ง
#1. ลองคิดเป็นภาษาอังกฤษ
ผู้เรียนหลายคนมักจะผิดพลาดตรงนี้เพราะชอบคิดเป็นภาษาไทยก่อนจะแปลเป็นภาษาอังกฤษทำให้ตอนที่พูดมักจะออกเสียงช้า พูดติดขัดบ่อยเพราะบางทีก็คิดไม่ออกว่าจะพูดหรืออธิบายอย่างไร จำศัพท์ไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะเป็นคำที่ไม่ต้อยใช้บ่อย ดังนั้นประเด็นแรก ๆ ถือว่าสำคัญมาสำหรับการฝึกพูดภาษาอังกฤษก็คือการฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอแทนที่จะคิดเป็นภาษาไทย จะช่วยคุณพูดได้ไวขึ้น ศัพท์อังกฤษที่มักจะเอามาใช้บ่อยก็จะจำได้นานขึ้น

เช่นถ้าเห็นรูปสวย ๆ คุณอยากเข้ามาชมหรือพูดบางอย่างเป็นภาษาอังกฤษคุณก็ฝึกพูดประโยคที่สั้น ๆ มักจะใช้บ่อยในกรณีนี้ ลองประยุกต์ใช้โครงสร้างประโยคเมื่อคุณอยากอธิบายผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ เช่น here is + some body or some thing main focus
เมื่อคุณ ฝึกพูดภาษาอังกฤษ เเละอยากอธิบายเกี่ยวกับสิ่งแรกที่คุณเห็นในรูปก็สามารถใช้ประโยค
>> I can see + clause/sunny/some flower..หรือว่าบอกว่า What I can see first in the picture is + สิ่งที่คุณมองเห็นแรกๆ ในรูปนั้น
เรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับวลีระบุตำแหน่ง สถานที่ เป็นภาษาอังกฤษจะทำให้คำพูดของคุณมีความละเอียดมากขึ้น ทำให้ผู้ฟังนึกภาพได้ง่ายขึ้น เช่น
>> In the foreground/background you can see … (there is …) …แปลว่า ในเบื้องหน้า / พื้นหลัง…คุณสามารถเห็น … (มี … )
The central focus of this picture is…แปลว่า จุดศูนย์กลางของภาพนี้คือ…
At the top/At the bottom there is … แปลว่า ที่ด้านบน / ที่ด้านล่างมี …
On the left/right of the picture there are … แปลว่า อยู่ด้านซ้าย / ขวาของภาพมี…
ถ้าคุณอยากแสดงความรู้สึกเมื่อเห็นรูปภาพนั้นสามารถใช้ประโยคสั้น ๆ เช่น
It look like …แปลว่า ดูเหมือนว่า …
I think or I guess …แปลว่า ฉันคิดหรือฉันเดาว่า
I think … … might be a symbol of … แปลว่า ฉันคิดว่า … อาจเป็นสัญลักษณ์ของ…
I (don’t) like the picture because …แปลว่า ฉัน (ไม่) ชอบรูปเพราะ…
It makes me think of …แปลว่า มันทำให้ฉันคิดถึง…
และอย่าเสริมคำศัพท์ของตัวเองเพื่อพูดง่ายและเข้าใจได้ดีขึ้น
#2. ฝึกพูดภาษาอังกฤษผ่านการฝึกฟังและเขียนบ่อยๆ
คุณรู้ไหมว่าทั้งสี่ทักษะในภาษาอังกฤษมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ถ้าคุณอยากพูดได้ดีคุณต้องเขียนได้ ถ้าคุณเขียนได้แล้วรับรองว่าคุณจะอ่านได้ …เหมือนมีคนเคยบอกว่า“If you can’t write it, you can’t say it” ถ้าคุณเจอสิ่งใดสิ่งหนึ่งและคุณเขียนไม่ได้ ก็หมายความว่าคุณจะพูดสิ่งนั้นออกมาไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าคุณอยากพัฒนาทักษะการพูดของตัวเอง คุณควรฝึกฟังและเขียนให้บ่อยมากขึ้น จะเริ่มจากหัวข้อการฟัง หรือการเขียนง่าย ๆ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันของเรา เช่นเรื่องงานอดิเรก เรื่องการไปตลาด เรื่องที่ห้องเรียนหรือที่ทำงาน ฯลฯ
ถึงจุดใดจุดหนึ่งที่คุณเห็นว่าภาษาอังกฤษของคุณดีขึ้นแล้ว คุณสามารถลองหาบทฟังหรือเลือกหัวข้อการเขียน ที่มีระดับยากขึ้นไปเรื่อยๆ เริ่มจากการเขียนบทความสั้น ๆ โดยเราสามารถเลือกหัวข้อได้ตามใจตัวเอง เช่น เรื่องนำเสนอเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราชื่นชอบ จากนั้นให้ทำการค้นหาคำศัพท์ใหม่ ค้นหาเนื้อหาเพื่อทำให้บทความของเรารายละเอียดและน่าสนใจมากขึ้น แล้วลองพรีเซนต์ออกมา
คุณจะได้เห็นว่าสิ่งที่เราเขียนมาได้ เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้วตอนที่เราพูดก็จะง่ายขึ้น เข้าใจได้มากขึ้นขึ้น พยายามเขียนวันละหนึ่งเรื่องและฝึกทักษะการพูดไปทุกวัน ประมาณสองถึงสามเดือนคุณก็จะเห็นความก้าวกระโดดในการพูดพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเป็นอย่างดี

#3. พูดกับตัวเองในกระจกจะช่วยคุณมั่นใจในการพูด
อยากออกเสียงภาษาอังกฤษ ให้ดี ให้เสียงชัด ถูกต้อง ไม่มีวิธีไหนดีกว่าการฝึกพูดทุกวัน ถ้าคุณอยู่คนเดียวก็สามารถฝึกพูดได้โดยลองใช้วิธีพูดกับตัวเองในกระจก คุณลองถามตัวเองด้วยคำถามสั้นๆ นึกถึงตอนที่คุณเจอชาวต่างชาติ คุณอยากจะสอบถามเขาแล้วคุณจะตอบอย่างไร ? คุณก็ลองถามและตอบตัวเองในกระจกก่อน ให้คุ้นกับวิธีการตั้งคำถามและวิธีการตอบให้ดีที่สุด เมื่อมีโอกาสเจอเพื่อน หรือชาวต่างชาติคุณจะได้มีควาวมมั่นใจเพิ่มขึ้นตอนออกเสียงภาษาอังกฤษแน่นอน เช่นการตั้งคำถามและตอบสั้น ๆ ดังนี้ ที่สามารถลองเอามาประยุกต์ใช้ดูได้เลย
- What did you do yesterday? เมื่อวานคุณทำอะไร
I woke up at 7am, had breakfast and went to school แปลว่า ฉันตื่นนอนเวลา 7 โมงเช้าทานอาหารเช้าและไปโรงเรียน
- What do you do in your freetime? เวลาว่างคุณทำอะไร
I usually hang out with friends, I like reading and relaxing at home, I do volunteer work…แปลว่า ปกติฉันออกไปเที่ยวกับเพื่อนฉันชอบอ่านหนังสือและพักผ่อนที่บ้าน ฉันทำงานเป็นอาสาสมัคร …
- How have you learned English? คุณเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างไร
I’ve been studying on my own and I love learn learning new languages แปลว่า ฉันเรียนด้วยตัวเอง และฉันชอบที่จะเรียนรู้การเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ
#4. เรียนประโยคที่ใช้บ่อยและประโยคเพื่อแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น
ถ้าคุณอยากพูดได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้นคุณต้องมีคลังคำศัพท์ที่เพียงพอและมีการเตรียมพร้อมในหลายสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ควรเรียนรู้ประโยคที่ใช้บ่อยและประโยคเพื่อแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ง่ายขึ้นที่เป็นประโยคที่เรียนด้วยตัวเองได้ง่ายๆ เรียนที่ไหนก็ได้ อย่างเช่น
ประโยคที่ใช้บ่อยทำให้คำพูดของคุณธรรมชาติ ใกล้ชิตกับคำพูดของชาวของภาษา
- Help yourself! ตามสบายเลยนะ!
- Don’t take it to heart. อย่าคิดเรื่องนั้นมาก/อย่าคิดมาก
- Don’t go yet. อย่ารีบไป
- Till next time! เจอกันคราวหน้านะ!
- As a rule โดยทั่วไป
- Believe it or not, but เชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่…
- Just for the record เพื่อให้คุณรู้,…
- The thing is ประเด็นก็คือว่า
- By the way อนึ่ง, อีกประการหนึ่ง
- ฯลฯ
ฝึกพูดภาษาอังกฤษ กับประโยคเพื่อแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
หากรู้สึกเห็นด้วยกับความคิดเห็นหรือเรื่องราวนั้นๆ คุณสามารถเลือกพูดอย่างใดอย่างหนึ่งจากประโยคเหล่านี้
– I agree with you. แปลว่า ฉันเห็นด้วยกับคุณนะ
– Me too. แปลว่าฉันก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
– I agree entirely. แปลว่าฉันเห็นด้วยกับคุณทั้งหมด
You’re right. That’s good point. แปลว่าคุณพูดถูกต้องตรงประเด็นดีมาก
ในกรณีที่คุณรู้สึกเห็นด้วยแค่บางส่วน และอยากแสดงความเห็นเพิ่มเติม คุณสามารถเลือกพูดอย่างใดอย่างหนึ่งจากประโยคเหล่านี้
- I agree up to a point, but…..แปลว่า ฉันเห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่…..
- I’m not sure about that. แปลว่าฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ
- On the whole, I agree with you but…..แปลว่าทั้งหมดนี้ฉันเห็นด้วยนะ แต่…..
ในกรณีที่คุณรู้สึกไม่เห็นด้วยคุณสามารถเลือกใช้ประโยคเหล่านี้
- (I’m afraid) I can’t agree with you. แปลว่า (ฉันเกรงว่า) ฉันไม่สามารถเห็นด้วยกับคุณได้นะ
หรือสามารถเสนอความคิดเห็นอื่นๆ ของตัวเองโดยการเริ่มต้นจากประโยคเหล่านี้
- In my opinion…..แปลว่า ในความคิดเห็นของฉันนั้น…..
- If you ask me, I think that…..แปลว่า ถ้าถามฉัน ฉันคิดว่า…….
#5. ฝึกทักษะเลียนแบบเป็นวิธีการฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม
ฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยการใช้ทักษะการเลียนแบบคือวิธีการฝึกพูดที่ดีมากไม่ว่าคุณจะเรียนอยู่คนเดียวหรือเรียนที่ไหนก็ตาม ถ้าคุณชอบสำเนียงของใครคนหนึ่ง คุณสามารถเลียนแบบตามสำเนียงของคนนั้นได้โดยวิธีการฟังและออกเสียงตามเพื่อฝึกการขึ้นลงของโทนเสียง คุณสามารถเลียนแบบเสียงของดารา หรือนักร้องต่างชาติที่คุณชอบ ร้องเพลงตามเขา หรือพูดตามตอนที่ดูวิดีโอของเขา เริ่มจากทีละประโยคสั้นๆ แล้วฟังทั้งประโยคยาวแล้วเขาพูดถึงไหนเราพูดถึงนั้น วิธีนี้ไผู้เรียนหลายคนเคยลองใช้แล้วเห็นว่ามีผลประโยชน์ในการปรับคำผิด หรือการออกเสียงผิดอย่างรวดเร็วและดีขึ้น เราสามารถใช้ภาษาของร่างกายหรือเรียกว่า body language ที่ใช่มือ สายตา เพื่อแสดงอารมณ์เมื่อพูดตามคนที่เราเลียนแบบ แต่อย่าลืมเลือกว่าคนไหนที่ออกเสียงชัดเจนเพราะอันนี้เป็นจุดสำคัญที่สุดเมื่ออยากฝึกทักษะด้วยวิธีการดังกล่าว
#6. บันทึกการพูดของตัวเองเพื่อหัดทักษะการพูดเเละออกเสียงของตัวเอง
คุณน่าจะลืมว่าเราพูดอะไรบ้างและออกเสียงผิด-ถูกแบบไหนตอนเราฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถ้าเรียนคนเดียวและไม่มีเครื่องมือช่วยในการบันทึกสิ่งที่พูดไป ดังนั้นก่อนที่อยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรให้ลองบันทึกไว้แล้วฟังอีกทีว่าตัวเองพูดอย่างไร ตรงไหนออกเสียงยังไม่ชัด เพื่อปรับพูดใหม่จนถึงเมื่อตอนที่ฟังแล้วรู้สึกคล่องแคล่ว แล้วเปลี่ยนหัวข้อเพื่อฝึกพูดต่อไป คุณสามารถพูดทุกที่เช่นตอนทำกับข้าว ตอนแต่งหน้า เหมือนคุณกำลังอัด Vlog ของตัวเองแต่ใช้ภาษาอังกฤษ นี่เป็นวิธีที่ดี คุณสามารถเปรียบเทียบความพัฒนาในทักษะการพูดของตัวเองในระยะสั้นเพื่อดูว่าวิธีนี้เหมาะกับตัวเองหรือไม่

#7. อย่าไปสนใจแกรมมามากไปตอนพูดหรือสื่อสารพื้นฐาน
สำหรับการ ฝึกพูดภาษาอังกฤษ หรือ การฝึกฟัง พูดดี ฟังดีจะทำให้สามารถโต้ตอบ สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษถ้าคุณมีคลังศัพท์ประมาณ 1000-1500 คำและกล้าที่จะพูด รับรองว่าคุณจะเห็นทักษะการพูดของตัวเองพัฒนาเร็วมาก อย่าไปสนใจแกรมม่ามากไปเพราะแค่คุณพูดได้ 80% แต่ออกเสียงถูกคนอื่นก็สามารถเข้าใจถึง 80% สิ่งที่คุณอยากพูดแล้วดังนั้นอย่าเข้าใจไปว่าแกรมม่าของเราต้องเก่งมาก ๆ ถึงจะพูดได้ เพราะผู้เรียนบางคนมีคลังศัพท์เยอะ เข้าใจแกรมม่าแต่ไม่กล้าพูดเลยทำให้การสื่อสารล้มเหลว
แต่สำหรับผู้เรียนที่พอมีความรู้พื้นฐานอยู่ในระดับใดระดับหนึ่งแล้ว และอยากพัฒนาการพูดออกมาดีเหมือนเจ้าของภาษาจะต้องการเน้นการออกเสียงและใส่ใไวยากรณ์มากขึ้นเพราะมันจะช่วยให้คำพูดดูสมบูรณ์มากขึ้น เช่น เมื่อคุณอยากบอกว่า “She is running” คนฟังจะเข้าใจเลยว่าคุณอยากพูดเกี่ยวกับเรื่องมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่ง แต่ถ้ามีรู้ไวยากรณ์ดีๆ คุณสามารถพูดประโยคที่ยาวกว่าและเป็นการให้ข้อมูลละเอียดกว่าเช่น “At this time yesterday, she was running. ”
หรือถ้าจะบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า “You shouldn’t miss the meeting” คุณจะบอกว่า “You had better get here soon or you’ll miss the meeting” ประโยคที่ยาวกว่าฟังก็จะดีกว่าในบางกรณี สำหรับการพูดในระดับพื้นฐานคุณก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิดไวยากรณ์ อย่าหยุดการพัฒนาตัวเอง ด้วยการเรียนรู้ในระดับที่สูงกว่า พูดถูก ฟังออกและเข้าไวยากรณ์ไปด้วยมันจะทำให้คุณมีโอกาสก้าวหน้ามากขึ้น
#8. ฝึกขยับกล้มเนื้อปากและลิ้น
การขยับกล้ามเนื้อปากหรือการฝึกใช้ลิ้นให้ถูกต้องคือสิ่งที่สำคัญมากถ้าคุณอยากออกเสียงภาษาอังกฤษ ได้ถูกต้องและ พูดได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น
ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยค Tongue Twister ที่พูดยากจนลิ้นพันกัน เอาไว้ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่องปาก…ผู้เรียนหลายคนยังสงสัยว่า ประโยค Tongue Twister คือประโยคอะไร ในถาษาไทยเราก็มีประโยคเช่น “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” หรือ “ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก” หรือ “เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด” เพื่อทำให้ลิ้นของเราอ่อน ไม่แข็งกระด้างนั่นเอง Tongue Twister ประกอบด้วย tongue แปลว่า ลิ้น กับ twisters ซึ่งมาจากคำว่า twist แปลว่า บิด
ในภาษาอังกฤษก็มีประโยคแบบนั้นเหมือนกันที่เรียกชื่อว่า Tongue Twister ที่ผู้เรียนที่กำลังฝึกพูดภาษาอังกฤษ สามารถลองออกเสียงดูยกตัวอย่างเช่น
“Send toast to ten tense stout saints’ ten tall tents.”
“How can a clam cram in a clean cream can?”
“Can you can a can as a canner can can a can.”
“Six sick hicks nick six slick bricks with picks and sticks.”
“Imagine an imaginary menagerie manager managing an imaginary menagerie.”
“Rory the warrior and Roger the worrier were reared wrongly in a rural brewery.”
ประโยค Tongue Twister สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพราะผู้เรียนที่กำลังอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการที่จะให้เราพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น
#9. ฝึกใช้วลีบ่อยๆ
วลีที่ใช้บ่อย | ความหมาย |
Almost done | เกือบเสร็จแล้ว |
Alive as well | สบายดี |
Anything goes | อะไรก็ได้ , ได้หมด |
And away we go | ไปกันได้แล้ว |
Beats me | ไม่รู้เหมือนกัน |
Big deal | ไม่เห็นมีอะไรเลย |
Bear in mind | จำไว้นะ |
Be seeing you | ไว้เจอกัน |
Bye for now | แค่นี้ก่อนนะ |
Behave yourself | ทำตัวดีๆ นะ |
Can you top that? | ทำได้อย่างไร |
Come hell or high water | ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม |
Count me in …. | ด้วยคน |
Don’t worry (about it) | อย่ากังวลไปเลย |
Don’t blow it | อย่าทำเสียงานล่ะ |
I was just thinking | ฉันแค่กำลังคิด |
I really appreciate that | ฉันรู้สึกประทับใจจริง ๆ |
How come? | ทำไมล่ะ? |
How are things?How is it going? | เป็นไงบ้าง? |
Just kidding (joking) | ล้อเล่น |
Once a ….., always a ….. | ก็เป็น … วันยังค่ำ |
Go for it | เอาเลย, ลองดู, เต็มที่เลย |
Way too…. | เกินไปมาก |
Way to go | ต้องอย่างนั้นสิ, ให้มันได้อย่างนั้นสิ |
What’s the matter?What’s going on?What’s happening?What’s happened? | เกิดอะไรขึ้น? |
Try me | (ก็) ลองดูสิ |
Pretty much so | ประมาณนั้น, ส่วนใหญ่ก็ตามนั้น, ก็ทำนองนั้น |
Exactly soQuite so | อย่างนั้นแหละ, อย่างนั้นเลย |
นอกจากนั้นยังมีหลายๆ ประโยคและวลีดี ๆ ที่น่าใช้ ถ้าคุณฝึกพูดภาษาอังกฤษ เยอะ และกล้าพูด คุณจะสามารถเก็บตกความรู้เหล่านั้นไปเรื่อยๆ เมื่อมีคลังศัพท์เยอะ ออกเสียงได้ดีแล้วคุณจะเห็นว่าการพูดภาษาอังกฤษแค่เป็นเรื่องเบาๆ ไม่ยากอย่างที่คิด และ Eng Breaking เชื่อว่าคุณทำได้แน่นอน “You can do it”!
#10. เตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์
เมื่อคุณฝึกพูดภาษาอังกฤษ อย่าพูดแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณควรค้นหาสิ่งใหม่ๆ เปิดหัวข้อการพูดให้กว้างขวาง จะช่วยคุณเก็บตกคำศัพท์ใหม่เยอะขึ้น พูดได้ในหลายๆ กรณีเช่น เรื่องที่คุณน่าจะเจอบ่อยในชีวิตประจำและการทำงานต่าง ๆ เช่น การแสดงความยินดีต้องพูดอย่างไร พูดของคุณแบบไหนแสดงความเคารพ หรือการไปเที่ยวหลงทางจะถามทางอย่างไร อยากเช่าห้องที่โรงแรมแบบไหน เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถอ่านเพื่อเติมที่นี่ >รายชื่อคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่สุด
สรูป
ทั้งหมดคือหลากหลายวิธีการฝึกพูดภาษาอังกฤษที่คุณสามารถเลือกมาใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง Eng Breaking จะเป็นเพื่อนที่คอยติดตามและแชร์เคล็ดลับ วิธีการเรียนรู้ที่ดีเพื่อช่วยคุณสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดี ตอบทุกคำถามและความต้องการของผู้เรียนทั่วประเทศ อย่าลืมติดตามเว็บไซต์การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของ EngBreaking.co.th เพื่ออัปเดตคอร์สเรียนใหม่แถมโปรโมชั่นดี ๆ ได้ทุกวัน
-
-
Mik Jakkaphat
เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ
-
Soda Sodaaa
เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ
-
RueThaiRut
เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ
-
เจมส์ ธีรพงศ์
มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ
-
Cat Catt
ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ
-
Meawww Jhaa
เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?
-
Naphawan MeeJaiii
นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!
-
GotCha
ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!
-
ป๋อง ฤทธิเดช
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ
-
ดวงใจ มาเต็ม
เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ
-
หนูน้อย หมวกแดง
เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.

Sudarat Manee
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .