คำพูดตรง และ คำพูดอ้อม ต้องใช้ยังไงให้ถูก

คำพูดตรง (Direct Speech) และ คำพูดอ้อม (Reported Speech) จะปรากฏในการทดสอบ

มีถึง 73% ของคำถามทดสอบภาษาอังกฤษที่เราต้องเปลี่ยนจากคำพูดตรง (Direct Speech) เป็น คำพูดอ้อม (Reported Speech)

นี่คือความรู้พื้นฐานทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเข้าใจกับ Eng Breaking

1 – Direct Speech และ Reported Speech ในภาษาอังกฤษ

1.1 – คำพูดตรง (Direct Speech)

คำพูดตรง (Direct Speech) คือ การเอาคำพูดของคนอื่นมาพูดซ้ำอีกครั้ง ในการเขียนภาษาอังกฤษ เมื่อเราใช้ direct speech เราจะใส่คำพูดที่เรายกมาแบบตรง ๆ นั้นในเครื่องหมายคำพูด.

 ตัวอย่างเช่น:

  • She says: “I am the best.”
    เขาบอกว่า: “ฉันคือที่สุด”
  • My friend said: “I went out last night.”
    เพื่อนเราบอกว่า: “ฉันออกไปเมื่อคืน.”

1.2 – คำพูดอ้อม (Reported Speech)

คำพูดอ้อม (Reported Speech) คือ การนำคำพูดของคนอื่นไปเล่าต่อ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นการพูดถึงอดีต เนื่องจากไม่มีการรายงานแบบคำต่อคำ Reported speechจึงมักตามด้วย “that” แทนที่จะใส่เครื่องหมายอัญประกาศ

คำพูดตรง และ คำพูดอ้อม
“She said that she plays baseball with her friends.”

 ตัวอย่างเช่น:

  • My mom said that he was fine.
    แม่เราบอกว่าเขาสบายดี
  • My sister said that she was cleaning the house.
    น้องสาวของฉันบอกว่าเขากำลังทำความสะอาดบ้านอยู่

ดูเพิ่ม:

2 – กฎการเปลี่ยนรูป คำพูดตรง (Direct speech) เป็น คำพูดอ้อม (Reported Speech)

ทั้งนี้การเปลี่ยนประโยคคำพูดเป็น Reported Speech จะมีหลักด้วยกัน 4 ประการ ดังนี้

  1. เปลี่ยนแปลง Tense
  2. เปลี่ยนแปลง Personal Pronoun และ Object
  3. เปลี่ยนแปลง Nearness เป็น Remoteness

2.1 – เปลี่ยนแปลง Tense

เหตุการณ์ที่รายงานใน คำพูดอ้อม (reported speech) มักไม่เกิดขึ้นในเวลาที่พูด ดังนั้นเมื่อเปลี่ยน คำพูดตรง (idirect speech) เป็น คำพูดอ้อม (reported speech) ต้องย้ายกริยากลับไป 1 กาลก่อนเทียบกับกาลเวลาที่พูด

ตัวอย่างเช่น: กริยาปัจจุบันธรรมดา => อดีตธรรมดา กริยาอดีตธรรมดา => อดีตที่สมบูรณ์แบบ

Direct speech Reported speech
Simple present Simple past
Present continuous Past continuous
Simple past Past perfect
Present perfect Past perfect
Past perfect Past perfect
Present perfect continuous Past perfect continuous
Past continuous Past perfect continuous
Future Present conditional
Future continuous Conditional continuous

หมายเหตุ: ในภาษาอังกฤษ มีบางกรณีที่ไม่สามารถย้อนกลับเปลี่ยนจาก direct speech เป็น reported speech ได้

ถ้ากริยาที่ใช้แสดงอยู่ในกาลปัจจุบัน เมื่อเปลี่ยนจากประโยคโดยตรงเป็นประโยคทางอ้อม คำกริยาหลักและคำวิเศษณ์ของสถานที่/เวลาจะไม่เปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างเช่น:

  • My mom says: “I’m going to the market.”
    (แม่ของเราบอกว่า: “แม่จะไปตลาด”)
    Reported speech: My mom says she is going to the market.
เมื่ออธิบายข้อเท็จจริงที่ชัดเจน

ตัวอย่างเช่น:

  • She said: “The sun rises in the East.”
    เขาบอกว่า: “ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก”
    Reported speech: She said that the Sun rises in the East.
คำพูดตรง และ คำพูดอ้อม
“He stated that he would make sure everyone in that company
get what they deserve”
ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 และ 3

ประโยคเงื่อนไขประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 เราจะไม่ทำการย้อนกลับ ตัวอย่างเช่น:

  • “If I were you, I would not do that.” She said
    Reported speech: She said that if she were me, she would not do that.
โครงสร้าง “Wish” + past simple/ past perfect

ตัวอย่างเช่น:

  • “I wished I lived in Paris.” he said.
    Reported speech: He said he wished he lived in Paris.
โครงสร้างIt’s time somebody did something

ตัวอย่างเช่น:

  • “It’s time he finished his homeworks.” His mother said.
    Reported speech: His mother said it was time he finished his homeworks. 

2.2 – เปลี่ยนแปลง Personal Pronoun และ Object

เมื่อเปลี่ยนจากประโยคตรงเป็นประโยคอ้อม เราต้องPersonal Pronoun และ Objectให้เหมาะสมกับความหมายและบริบท

Direct speech Reported Speech
I He, she
You I, he, she, they
We they
My His, her
Me Him, her
Mine His, hers
Our their
Yours His, her, my, their
Us them
Myself Himself, herself
Yourself Himself, herself, myself
Ourselves Themselves 

2.3 – เปลี่ยนแปลง Nearness เป็น Remoteness

ใน reported speech เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาหรือสถานที่ที่คนพพูดดรายงาน ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนจาก direct speech เป็น reported speech ต้องเปลี่ยนแปลง Nearness เป็น Remoteness ดังต่อไปนี้:

Direct speech Reported speech
Here There
Now then
Yesterday  The day before
Tomorrow The day after
Today/ tonight That day/ that night
Ago Before 
Next The following …
Last The previous …
This That
These Those

ดูเพิ่ม:

3 – วิธีการแปลงจาก (Direct speech) เป็น (Reported speech)

3.1 – Narrative sentence

Narrative sentence หมายความว่า บรรยาย(เรื่องราว) หรือ บอกเล่า(เรื่องราว) อธิบาย ยืนยัน ประกาศเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือการกระทำบางอย่าง

โครงสร้าง:

S + repoting verb (says/said/told…) + narrative clause

ตัวอย่างเช่น:

  • “I’m going to a party tonight.” He said
    Reported speech: He said that he was going to a party that night
คำพูดตรง และ คำพูดอ้อม
“She told me that she got a promotion!”

3.2 – Question

เมื่อเปลี่ยนคำถามจากรูป Direct เป็น Reported เราสามารถใช้กริยาบางรูปได้ เช่น asked, wondered, wanted to know,…

3.2.1 – คำถาม Yes/No

ในการเปลี่ยนคำถามเชิงซักถามจากรูปแบบโดยตรงเป็นทางอ้อม เราต้องการ

  • เปลี่ยนตำแหน่งของ Verb และ Subject ในประโยค
  • เพิ่ม if หรือ whether ก่อนคำถาม

โครงสร้าง:

S + asked/ wanted to know/ wondered + if/whether + S + V + …

ตัวอย่างเช่น:

  • “Are you ok?” My friend asked.
    Reported speech: My friend asked if I was ok.

3.2.2 – WH – Question

โครงสร้าง:

S + asked/ wanted to know/ wondered + Wh + S + V + …

ตัวอย่างเช่น:

  • “What are you reading?” She asked
    Reported speech: She asked what I was reading. 

3.2.3 – Commands, Request

ในการเปลี่ยน Commands และ Request ในรูปตรงเป็นทางอ้อม เราใช้ verb เช่น asked, told, demanded, ordered,…

โครงสร้าง:

S + asked/ told/ demanded,… + O + (not) + to V + …

ตัวอย่างเช่น:

  • “Close the door, please.” The teacher said
    Reported speech: The teacher asked me to close the door. 
  • “Don’t move the table.” my father said
    Reported speech: My father told us not to move the table

ไม่พลาดกับบทความนี้:

4 – กรณีพิเศษบางกรณีเปลี่ยนจาก คำพูดตรง (Direct speech) เป็น คำพูดอ้อม (Reported Speech)

  • Suggestions, invitations: shall/would

ตัวอย่างเช่น:

 “Shall I make you a coffee?” He said

>>> Reported speech: He offered to make me a coffee.

>>> Reported speech: He suggested making me a coffee.

>>> Reported speech: My friends asked me to help her with the homeworks. 

  • Exclamation sentence

ตัวอย่างเช่น:

“What a beautiful dress!” said Anna

>>> Reported speech: Anna exclaimed that the dress was beautiful. 

  • Direct speech มีหลายประเภท: questions, imperatives, affirmations,…

ตัวอย่างเช่น: He asked “Can you speak Chinese?” and I said “No.”
เขาถามว่า “คุณพูดภาษาจีนได้ไหม? และฉันก็พูดว่า “ไม่”

>>> Reported speech: He asked me if I could speak Chinese and I said that I could not. 

โครงสร้าง: S + V + O + V(ing)/N (Gerund)

ตัวอย่างเช่น: He said: “Sorry I’m late.”

>>> Reported speech: He apologized for being late.
เขาขอโทษที่มาสาย

My sister said: “She broke the vase.” 

>>> Reported speech: My sister accused me of breaking the vase.
น้องสาวของฉันกล่าวหาว่าฉันทำแจกันแตก

โครงสร้าง: S + V + to V(inf)

ตัวอย่างเช่น: “I will call you tonight.”  He said

>>> Reported speech: He promised to call me tonight.
เขาสัญญาว่าจะโทรหาฉันคืนนี้

ดูเพิ่ม:

5 – แบบฝึกหัดประยุกต์

นี่คือแบบฝึกหัด เปลี่ยนจาก คำพูดตรง (direct speech) เป็น คำพูดอ้อม (reported speech)

แบบฝึกหัดที่ 1: เปลี่ยนประโยคต่อไปจาก คำพูดตรง (direct speech) เป็น คำพูดอ้อม (reported speech)

  1. “How is your father?” she asked
  2. “Don’t touch my stuff.” He said to his mother
  3. “Would you like to go out with me tonight?” – he said
  4. “What a lovely dress!” She said
  5. “Shall I carry that bag for you?” he said.
  6. “Open the book!” – the teacher said
  7. “Where have you been this morning?” I said to James
  8. “Do you have any cash?” I asked my friend
  9. “I am so sorry, I forgot about the time.” She said to me
  10. “I’ll come to see you tomorrow.” I said. 

คำตอบ:

  1. She asked me how my father was
  2. He told his mother not to touch his stuff
  3. He asked me to go out with him tonight
  4. She exclaimed that the dress was lovely
  5. He suggested carrying that bag for me
  6. The teacher told us to open the book..
  7. I asked James where he had been this morning.
  8. I asked my friend if she had any cash.
  9. She apologized for forgetting about the time.
  10. I promised to see him tomorrow. 

แบบฝึกหัดที่ 2: เติมคำในช่องว่างด้วยคำว่า “ said” หรือ “told” ในประโยคด้านล่าง

  1. She ….. she loved candies.
  2. He …. me that he would go to the library tomorrow morning.
  3. My mother …. to me that she was going to HCM city on Friday.
  4. Luke ….. It would rain today.
  5. Nina …. Us that she could not come to join us today. 
  6. He …. Them that he would be there on time. 
  7. I …. That I hated carrots. 
  8. They …. Us the concert was starting at 5PM. 
  9. She … that she would not leave without me. 
  10. My friend …. Me that she had bought me a gift. 

คำตอบ:

  1. Said
  2. Told
  3. Said
  4. Said
  5. Told
  6. Told
  7. Said
  8. Told
  9. Said
  10.  Told

6 – สรุป

ข้างต้นเป็นการรวบรวมความรู้ที่สมบูรณ์อย่างยิ่งเกี่ยวกับ คำพูดตรง (direct speech) และ คำพูดอ้อม (reported speech) ในภาษาอังกฤษที่ Eng Breaking สรุป

หวังว่าหลังจากบทความนี้ ทุกคนจะเข้าใจความรู้นี้อย่างมั่นใจและจะไม่เสียคะแนนที่น่าเสียใจในการทดสอบอีกต่อไป

เพื่อให้เข้าใจและใช้ประโยคทางอ้อมได้อย่างคล่องแคล่วในภาษาอังกฤษ นอกจากการเข้าใจทฤษฎีแล้ว ยังต้องฝึกฝนกับบทเรียนประเภทต่างๆ มากมาย และอย่าลืมนำโครงสร้าง reported speech ไปใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันด้วยนะคะ!

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

ความคิดเห็น 635 รายการ
 
  • Sudarat Manee

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ทีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพียงหนังสือที่ใช้เรียนเพียงแค่ 3 เดือน หรือได้ผลหลังจากที่เรียนเพียง 3 เดือน เท่านั้น แต่ยังมี new 12 lessons ที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย มีการแจ้งเตือนทาง mail ทุกวัน เราเรียนตามแผนและกระบวนการตามที่ได้รับใน mailนั้น เนื้อหาดี ประโยคมีความทันสมัย มีหลายประโยคที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้สื่อสารกัน ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ มีการจัดรูปแบบและวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้เราฝึกนิสัยในการวางแผนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แผนการเรียนชัดเจนในทุก ๆ วัน เพื่อน ๆ มาสร้างนิสัยตามแผนการเรียนกันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ดีแค่ไหนถ้ามัวแต่ขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่จะพัฒนาตัวเองได้ล่ะคะ .

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Mik Jakkaphat

    เป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยมมากกกกก มีทั้งรูปภาพทั้งคำแปล ช่วยดึงดูดความสนใจในการเรียนมาก ๆ ครับ Eng Breaking ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านการพูดและการสื่อสารมาก ๆ ครับ ผมอยากขอบคุณ Eng Breaking มาก ๆ ครับ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่ lesson ก็เรียนจบแล้วครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Soda Sodaaa

    เรียนง่ายมั้ยคะ? คือเราเป็นคนที่ถอดใจง่ายมาก ๆ ค่ะ

    ถูกใจ ตอบกลับ20 ชั่วโมง
  • RueThaiRut

    เรียนง่ายนะคะ มีคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้ทุกวันค่ะ เนื้อหาก็ตามหัวข้อในแต่ละวันเลยค่ะเราก็เรียนได้ประมาณเดือนครึ่งแล้วนะ ตอนนี้เราสามารถสื่อสารได้แบบสบาย ๆ แล้ว ไม่ค่อยกลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ อิอิ

    ถูกใจ ตอบกลับ2 นาที
  • เจมส์ ธีรพงศ์

    มีคำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ๆ ครับ และผมรู้สึกว่าวิธีสอนดีมาก ส่วนตัวค่อนข้างชอบการเรียนแบบนี้มาก ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนเรียนในห้องเรียนครับ แถมยังเรียนง่ายอีก คอนนี้ผมเริ่มชินกับการเรียนแบบนี้แล้วล่ะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Cat Catt

    ชุดหนังสือสวยเว่อร์ บวกกับเนื้อหาในหนังสือคือดีและสมจริงมาก ๆ ด้านในมีคำแนะนำครบถ้วน ชัดเจนทุกกระบวนการ ตอนนี้เราเรียนได้ 2 อาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีพัฒน่การขึ้นเยอะมาก ๆ เลยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • Meawww Jhaa

    เพื่อน ๆ คะ ชุดนี้เนื้อหาทั้งหมด รวม ๆ มีอะไรบ้างคะ?

    ถูกใจ ตอบกลับ5 ชั่วโมง
  • Naphawan MeeJaiii

    นี่ค่ะ ประกอบไปด้วยชุดหนังสือ เอกสารออนไลน์ app และยังมีของขวัญให้อีกด้วยค่ะ พูดรวม ๆ ก็คือครบเซ็ทค่ะ ^^!

    ถูกใจ ตอบกลับ15 นาที
  • GotCha

    ผมซื้อให้น้องผมเรียน ผมรู้สึกได้ว่า ขั้นตอนการให้คำปรึกษาเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากในการเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นผมซื้อหนังสือเรียนเล่มที่ใหญ่และหนากว่านี้มาหลายต่อหลายเล่ม แต่มันก็มีข้อจำกัด ในการเรียนคือบางเล่มไม่แนะนำรายละเอียดการเรียนที่ชัดเจน ไม่เหมือนกับหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นผมเรียนได้ไม่กี่หน้าก็เป็นอันต้องถอดใจไปทุกครั้ง น้องของผมติดตามหลักสูตรนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้วและเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้องของผมก็กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเมื่อก่อน จริง ๆ แล้วนี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากครับ!

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ป๋อง ฤทธิเดช

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งหรือเรียกว่าอ่อนภาษาอังกฆษอย่างผมมาก ๆ ครับ ผมเพิ่งเรียนได้ 1 lesson แต่รู้สึกว่าการฟังและการออกเสียงของผมจะค่อนข้างดีขึ้นเลยทีเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้คำศัพท์และประโยคคำถามเพิ่มอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เรียนง่ายมากครับ เพื่อน ๆ ควรลองซื้อมาเรียนดูครับ รับรองว่าเรียนเสร็จเพื่อน ๆ จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องตั้งใจและขยันเรียนด้วยนะครับ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • ดวงใจ มาเต็ม

    เราเรียนก็ค่อนข้างโอเคนะ บางทีอาจจะเหมาะกับคนที่ขี้เกียจจำ เรียนด้วยความเข้าใจแบบเรา การออกแบบ ดีไซน์ก็ค่อนข้างสะดวกและมีประโยชน์อีกด้วยนะ

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน
  • หนูน้อย หมวกแดง

    เราค่อนข้างพอใจกับหนังสือเรียนนะ การห่อ แพ็คเก็จ บรรจุภัณฑ์ก็เรียบร้อยดี ส่งของตรงเวลา คุณภาพหนังสือดี ปกหนังสือมีสีสันสะดุดตา เรียนง่าย เราหวังว่าถ้าเรียนเล่มนี้ไปแล้วมันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้ได้.

    ถูกใจ ตอบกลับ1 วัน

ด้วย Eng Breaking เราเชื่อว่าการฝึกการฟังการพูดและรวมกับการปฏิบัติการฟังการพูดจะกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ

คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหลังจากศึกษาด้วยตนเอง 3 เดือนเท่านั้น.

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *